นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าปี 2550 กระทรวงเกษตรฯ ตั้งเป้าที่จะผลักดันแผนยุทธศาสตร์ข้าว และสนับสนุนงานวิจัยการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวทั้งระบบ เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายช่องทางการส่งออก ตลอดจนสร้างอำนาจต่อรองทางการค้าให้เกิดขึ้น ให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทบทวนยุทธศาสตร์ข้าว และแผนงานต่างๆ อีกครั้งวันที่ 7 มกราคม 2550 จากนั้นกระทรวงเกษตรฯจะนำข้อสรุปที่ได้ หารือกระทรวงพาณิชย์ เพื่อบูรณาการการทำงาน และแผนบริหารจัดการร่วมกันวันที่ 17 มกราคม 2550

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้ มีข้าวเปลือกหอมมะลิในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2548/49 จาก จ.มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี หลุดจำนำยุ้งฉางเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เสื่อมคุณภาพ 88,175 ตัน จากจำนวนข้าวหลุดจำนำยุ้งฉางเกษตรกรทั้งสิ้น 389,540 ตัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้คณะกรรมการระดับจังหวัดตรวจสอบคุณภาพว่าเป็นอย่างไร และให้รายงานกลับมาภายในสัปดาห์นี้ เพื่อระบายข้าวต่อไป

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ( ก.ส.ล.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า โดยใช้หลักการที่จะให้นำสต็อกข้าวรัฐบาลที่มีอยู่ มาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งนำออกประมูลขายตามที่เคยปฏิบัติปกติ และอีกส่วนหนึ่งนำมาขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ซึ่งจะเปิดให้ผู้ซื้อข้าวเข้ามามีส่วนในการดำเนินกิจกรรมซื้อขายข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย จึงกำหนดให้ ก.ส.ล.เปิดรับฟังความเห็นและให้ความรู้กับผู้เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เซ็นสัญญาขายข้าวรัฐต่อรัฐให้กับรัฐบาลอิหร่านปริมาณ 2 แสนตัน ราคาตันละ 320 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นชนิดข้าวขาว 100% ชั้น 2 ซึ่งราคาสูงกว่าราคาตลาดในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ที่ได้มีการเจรจาต่อรองกัน โดยมูลค่ารวมของการซื้อขายครั้งนี้ ประมาณ 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 2,368 ล้านบาท โดยต้องทำการส่งมอบตั้งแต่เดือนก.พ.-พ.ค.ปี 2550 ซึ่งข้าวที่ใช้ส่งมอบต้องเป็นข้าวใหม่ จากโครงการรับจำนำฤดูกาล 49/50

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการ สีแปรข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2549/50 โดยให้โรงสีที่รับจำนำข้าวเกินปริมาณ 30 เท่าของกำลังการผลิต สามารถแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารได้ 50% ของปริมาณข้าวที่รับจำนำมา และต้องส่งมอบให้โกดัง อคส.ทันที

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีโรงสีร้องเรียนเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) เรียกเก็บเงินกระสอบละ 7 บาท ในโครงการ รับจำนำข้าว และรายงานผลสรุปภายใน 15 วัน โดยมอบหมายให้นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ดูแลคัดสรรคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจากตัวแทนกรมต่างๆ ยกเว้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะผู้กล่าวหา นอกจากนี้ ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่รับจำนำข้าวและมันสำปะหลัง โดยระบุท้ายคำสั่งว่า หากผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดตามร้องเรียนจริง ให้ดำเนินคดีทางกฎหมายและระเบียบของราชการโดยเร็ว

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้เสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบการแข็งค่าของเงินบาทต่อการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ ต่อนายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ว่า ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2549 ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรด้านการส่งออกข้าว พบว่า การแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้มูลค่าการส่งออกข้าวไทยลดลง และหากยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างไม่มีเสถียรภาพ จะส่งผลให้ผู้ส่งออกไม่สามารถขายสินค้าล่วงหน้าได้ เนื่องจากจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเวียดนาม พบว่าค่าเงินด่องของเวียดนามกลับอ่อนตัวลง 1.1% และมีเสถียรภาพ ไทยจึงเสียเปรียบ ทั้งนี้ ในปี 2550 หากค่าเงินบาทยังคงขาดเสถียรภาพ การส่งออกข้าวไทยจะไม่เพิ่มขึ้น แม้ผลผลิตข้าวของเวียดนามจะไม่เพียงพอส่งออกจากปัญหาภัยแล้ง และโรคแมลงระบาด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการนำคณะผู้แทนจากภาครัฐ และผู้ส่งออกข้าวไทยเดินทางไปฮ่องกง ระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม 2549 ว่า การเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้นำเข้าและผู้ค้าปลีกชาวฮ่องกง หลังจากที่ฮ่องกงได้เปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวระบบโควตามาเป็นการนำเข้าเสรี ทำให้ไทยต้องรักษาตลาดข้าวไทย และหาทางขยายปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น เพราะฮ่องกงเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายสำคัญของไทย โดยปี 2546 นำเข้า 237,344 ตัน แต่เพิ่มเป็น 305,990 ตันในปี 2548 ส่วน 10 เดือนแรกของปี 2549 นำเข้าแล้ว 237,019 ตัน โดยนำเข้าข้าวไทยมากถึง 90% ที่เหลือนำเข้าจากจีน สหรัฐ และเวียดนาม

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      กระทรวงพาณิชย์รายงานแนวโน้มราคาข้าวในปีการผลิต 2549/2550 คาดว่าราคาข้าวเปลือกเจ้ามีแนวโน้มสูงขึ้น แม้ว่าผลผลิตข้าวนาปีฤดูใหม่จะออกสู่ตลาดมากขึ้น เพราะภาครัฐได้ดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดทั่วไปปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากการต่อรองการค้าของไทย ขณะที่เวียดนามประสบปัญหาด้านการผลิตที่เป็นผลกระทบจากภัยธรรมชาติ

ที่มา สยามรัฐ

      องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เปิดประมูลซื้อข้าวค้างสต๊อกโครงการรับจำนำข้าวหอมมะลิเปลือกนาปี   48/49 จำนวน 47,000 ตัน ปรากฏว่า มีโรงสีเสนอซื้อข้าวในโกดังของตนเองรวม 15 ราย จำนวน 16 โกดัง โดยทุกรายเสนอซื้อในราคาต่ำกว่าราคารับจำนำของปี 48/49 ที่ตันละ 9,000-10,000 บาท ทั้งสิ้น และส่วนใหญ่ เสนอซื้อราคาต่ำกว่าตันละ  6,500 บาทเสนอซื้อรวมปริมาณเพียง 29,367 ตัน เป็นมูลค่า 213,636,224 บาท

ที่มา เดลินิวส์

      โครงการจำนำข้าวปี 2549/2550 อืด ล่าสุดชาวนานำข้าวมาจำนำเพียง 1.38 แสนตัน ลดลงจากปีก่อนที่นำข้าวมาจำนำกว่า 6.4 แสนตัน ชี้เหตุราคาในตลาดใกล้เคียงกับราคาจำนำ ขณะที่แนวโน้มราคาข้าวยังดีอยู่ เพราะตลาดต่างประเทศมีความต้องการต่อเนื่อง และเวียดนามประสบภัยธรรมชาติทำให้ผลผลิตลดลง

      สำหรับแนวโน้มราคาข้าวนั้น คาดว่าราคาข้าวเปลือกเจ้ามีแนวโน้มสูงขึ้น แม้ว่าผลผลิตข้าวนาปีฤดูใหม่จะออกตลาดมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดทั่วไปราคาสูงขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการต่อรองการค้าของไทย ส่วนเวียดนามประสบปัญหา ด้านการผลิตจากภัยธรรมชาติ และมีการห้ามส่งออกข้าวอยู่ในขณะนี้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดข้าวไทยในสหรัฐพบว่าขณะนี้การส่งออกข้าวไทยในตลาดสหรัฐ กำลังได้รับผลกระทบจากการที่จีนมีการนำข้าวหอมปทุมธานีของไทย ผสมกับข้าวเมล็ดยาวของจีน และบรรจุถุงจำหน่ายในจีนและส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐและอ้างเป็นข้าวหอมมะลิ แต่ราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิของไทย โดยวางราคาขายที่ต่ำกว่าข้าวหอมมะลิที่นำเข้าจากไทย จึงให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน

ที่มา มติชน

       นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังหารือกับนายสกุล หาญสุทธิวารินทร์ เลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงสถานการณ์ค้าข้าวกับผลกระทบค่าบาทแข็ง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งต่อการส่งออกนั้น เริ่มส่งผลกระทบแล้ว สำหรับคำสั่งซื้อข้าวล็อตใหม่ ซึ่งจะต้องมีการเจรจาต่อรองเพื่อขายล่วงหน้าในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อราคาซื้อขายภายในประเทศไม่ขยับขึ้นด้วยผลจากการส่งออกชะงักทำให้ข้าวฤดูกาลใหม่ที่เดิมมองว่าจะมีการแข่งขันซื้อในตลาดมีปริมาณลดลงและหันเข้าสู่โครงการรับจำนำของรัฐแทน จึงเชื่อว่าปริมาณข้าวเข้าโครงการรับจำนำฤดูกาลผลิต 2549/50 จะสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ว่าเกษตรกรจะนำข้าวเข้าโครงการประมาณ 50-70% ของเป้าหมาย 9 ล้านตันข้าวเปลือก

ที่มา มติชน

       นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้จัดการบริษัทซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยภายหลังหารือกับกรมการค้าต่างประเทศว่า ได้หารือกรณีที่ประเทศรัสเซียประกาศห้ามนำเข้าข้าวจากทุกประเทศ โดยอ้างว่าพบสารเคมีปนเปื้อนจึงต้องขอตรวจสอบก่อน ซึ่งประกาศดังกล่าวไม่มีความชัดเจนและไม่มีการพิสูจน์ที่ชัดเจน ถือเป็นการกีดกันทางการค้าที่น่าจะนำมาใช้เพื่อลดการนำเข้า “ รัสเซียเป็นประเทศที่อยู่ในแถบยุโรป หากปล่อยให้ออกมาตรการกีดกันทางการค้าเช่นนี้ได้ ก็อาจเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆในยุโรป เช่น สเปน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยอาจออกมาตรการเช่นเดียวกัน ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงควรเร่งตรวจสอบเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามออกไป”

ที่มา ไทยรัฐ

       นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศเป็นห่วงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นปัญหาต่อการแข่งขันส่งออกข้าวไทย และจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรขายข้าวเปลือกไม่ได้ราคาดี แนะรัฐบาลเร่งหามาตรการสกัดอย่าให้ค่าเงินแข็งค่าเกินไป จับตาข้าวเวียดนามหากค่าเงินบาทแข็งเช่นนี้ส่วนต่างข้าวไทยและข้าวเวียดนามจะมากขึ้นเป็นทางเลือกให้กับประเทศคู่ค้าซื้อข้าวเวียดนามเพิ่มมากขึ้น

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

      นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวไทยไปยังต่างประเทศว่า จากการติดตามสถานการณ์ข้าวของประเทศอินโดนีเซีย แล้วพบว่า การผลิตข้าวยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียประสบภัยธรรมชาติ จากปรากฏการณ์ เอลนิโญ่ ( Elninyo) ซึ่งทำให้ฝนตกล่าช้าปกติเกือบ 2 เดือน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้สต๊อกข้าวที่มีอยู่ลดน้อยลง ขณะดียวกันทำให้ราคาข้าวที่จำหน่ายภายในประเทศสูงขึ้น ซึ่งคาดว่า อินโดนีเซียอาจจะต้องนำเข้าข้าวประมาณ 500,000 ตัน เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ

ที่มา แนวหน้า

       นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นชอบให้โรงสีสามารถรับจำนำข้ามเขตภายในภูมิภาคได้แล้ว เนื่องจากมีการร้องเรียนจากเกษตรกรว่าจำนวนโรงสีไม่เพียงพอ แต่ขณะนี้มีโรงสีประมาณ 20 ราย ถูกขึ้นบัญชีดำกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) อาจทำให้บางพื้นที่ต้องเปิดจุดรับจำนำแทน เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหรือถูกกดราคารับซื้อ

ที่มา มติชน

      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งกรมการค้าต่างประเทศให้ไปเจรจาต่อรองกับพ่อค้าข้าวสตอกของรัฐบาลจำนวน 4 แสนตันใหม่ หลังจากเอกชนเสนอมาต่ำกว่าราคาตลาดมาก ยืนยันยังไม่รีบร้อนระบายข้าว แม้จะมีข้าวเก่าในสตอกของภาครัฐ และจะไม่ทำให้ฤดูข้าวใหม่ราคาตกลงแน่นอน พร้อมส่งหนังสือเชิญชวนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อิหร่านเดินทางมาพิจารณาและดูเงื่อนไขในการซื้อข้าวไทย ขณะที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศมั่นใจภัยธรรมชาติส่งผลดีต่อการผลักดันส่งออกข้าวปีหน้า

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

      อคส.ได้สั่งการให้ทุกโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำในปีผลิต 2548/49 ทำการสีแปรและส่งมอบข้าวที่ค้างในโรงสี ประมาณ 550,000 ตัน ภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ และอนุญาตให้มีการขนย้ายข้ามเขตเพื่อสีแปรและส่งข้าวให้รัฐได้ในลักษณะรวมกลุ่มและมีการรับรองโดยกลุ่ม รวมทั้งมีการเร่งรัดให้โรงสีที่เสนอซื้อข้าวในโกดังดำเนินการทำตามสัญญาในการชำระเงินจ่ายค่าข้าวงวดแรกภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ หากโรงสีรายใดเพิกเฉยหรือละเลยจะถูกตัดสิทธิในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำของภาครัฐโดยไม่มีกำหนดเวลา ทั้งนี้ จุดประสงค์เพื่อต้องการเคลียร์พื้นที่โกดังและตรวจสอบว่าจะมีโรงสีในพื้นที่เท่าไหร่ที่สามารถรับจำนำข้าวจากเกษตรกรได้ ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม-กุมภาพันธ์ของปีถัดไป ที่จะมีข้าวผลผลิตใหม่ออกสู่ตลาดกว่า 80% และจากการเปิดรับจำนำอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13-22 พฤศจิกายน 2549 มียอดรับจำนำข้าวแล้ว 35,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกเจ้าและข้าวจังหวัด

ที่มา มติชน

       ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ปรับปรุงเกณฑ์ซื้อขายล่วงหน้า ข้าว ขาว 5% ใหม่ เพื่อรองรับการค้าข้าวในฤดูกาลใหม่ ด้วยการขยายขนาดของสัญญาจากเดิม 5 ตันเป็น 15 ตันต่อหนึ่งหน่วยการซื้อขาย และขยายเวลาส่งมอบจากไม่เกิน 6 เดือนล่วงหน้า เป็น 12 เดือนล่วงหน้า หวังกระตุ้นตลาดซื้อขายล่วงหน้าข้าวขาวคึกคักมากยิ่งขึ้น

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       นายวิจักร วิเศษน้อย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อครัฐ 400,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 จำนวน 200,000 ตัน (ผ่านการตรวจสอบทางพันธุกรรม ( ดีเอ็นเอ) 4,700 ตัน และไม่ผ่านการตรวจสอบดีเอ็นเอ 187,500 ตัน) เพื่อขายทั้งในประเทศและส่งออก และข้าวขาว 5% อีก 200,000 ตัน เพื่อส่งออก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า ในส่วนข้าวขาว 5% มีผู้เสนอซอง 4 ราย ราคาเสนอซื้อตั้งแต่ตันละ 9,950-10,520 บาท ปริมาณเสนอซื้อรวม 101,000 ตัน โดยบริษัท ข้าวไชยพร ให้ราคาสูงสุดที่ตันละ 10,380-10,520 บาท และเสนอซื้อปริมาณมากสุดที่ 80,306 ตัน ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ตันละประมาณ 16,000 บาท

ที่มา มติชน

       พายุไต้ฝุ่น 2 ลูกที่พัดเข้าทำลายล้างเขตภาคกลางและแมลงศัตรูพืชที่แพร่ระบาดในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ได้ทำให้เวียดนามต้องงดการทำสัญญาซื้อขาย ข้าวกับต่างประเทศในช่วงปลายปี รัฐบาลได้สั่งให้ยุติส่งออกโดยสิ้นเชิงเพื่อรับประกันการขาดแคลน ขณะที่ต้องนำเข้าอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อใช้บริโภคในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       ผู้ประกอบการโรงสีข้าวภาคอีสาน เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์จะมีการเปิดระบายข้าวค้างสต๊อคจำนวน 4 แสนตัน ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นข้าวหอมมะลิที่ไม่ผ่านการตรวจสอบพันธุกรรม ( ดีเอ็นเอ) จำนวน 1.8 แสนตัน ว่า แนวโน้มการเสนอซื้อข้าวหอมมะลิของการเปิดประมูลครั้งนี้ไม่น่าจะเกินตันละ 14,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าราคาตลาด ขณะนี้อยู่ที่ตันละ 17,000 บาท เพราะเกรงในเรื่องคุณภาพข้าวที่ถูกปลอมปนจากข้าวหอมปทุมกว่า 50%

ที่มา มติชน

       นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท .) ออกมาให้ข้อมูลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท แก่ผู้ส่งออกเป็นการเตือนให้รับมือล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม การที่เอกชนต้องรับมือกับเงินบาทแข็งค่า ด้วยการซื้อประกันค่าเงินล่วงหน้า ถือเป็นการเพิ่มต้นทุน ทำให้ต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งมีส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของไทย เพราะตลาดข้าวมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะเวียดนามที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ทำให้เวียดนามไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินผันผวน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      นาย เตรือง ทัน ฟอง ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เวียดนาม เซาเธิร์น ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น และประธานบริษัท เวียดฟู้ด ในฐานะนายกสมาคมอาหารและตัวแทนผู้ค้าข้าวจากประเทศเวียดนาม เดินทางมาเยือนประเทศไทยพร้อมด้วยคณะของนาย เหวียน ดัง ชี รองอธิบดีกรมการส่งออกและนำเข้า เพื่อร่วมการประชุมความร่วมมือค้าข้าวไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ โดยมีกรมการค้าต่างประเทศและสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพฝ่ายไทย

      ผลพวงที่ตามมานอกจากจะเป็นการร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือค้าข้าวไทย-เวียดนามแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังใช้โอกาสนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวระหว่างทั้งสองสมาคม และแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันทางด้านการตลาด การลงทุน ตลอดจนการควบคุมมาตรฐานข้าว เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวของทั้งสองประเทศให้เป็นไปอย่างมีระบบ และก่อให้เกิดเสถียรภาพต่อราคาข้าว ที่สำคัญคือเพื่อร่วมกันสร้างอำนาจต่อรองทางด้านราคาในตลาดข้าวโลกซึ่งมีไทยและเวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับหนึ่งและสองตามลำดับ

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

       นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในระยะนี้ผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิตปี 2549/50 ได้เริ่มออกสู่ตลาด ประกอบกับรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2549/50 เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้ได้มีโอกาสเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจขายข้าวเปลือก และมิให้ถูกกดราคารับซื้อ โดยกรมขอให้โรงสีข้าว ท่าข้าวตลาดกลาง ชุมนุมสหกรณ์ ฯลฯ ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวเปลือกประจำวัน มีการแสดงราคาต่อหน่วย มีการระบุรายละเอียดของชนิดข้าวเปลือก คุณภาพชั้น ความชื้น หรืออื่นๆ ระบุรายละเอียดให้ชัดเจนครบถ้วน และปิดไว้ให้เห็นได้ชัดเจน เปิดเผย สามารถอ่านได้ง่าย ณ สถานที่รับซื้อหรือบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการปิดป้ายแสดงราคานั้น จะมีตัวเลขเป็นภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย ขนาดความสูงไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตร

ที่มา มติชน

       นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบให้เปิดประมูลข้าวค้างสต๊อคนาปี ปีการผลิต 2547/2548 แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิชนิดข้าวขาว 100% ประมาณ 200,000 ตัน และข้าวขาวชนิด 5% ประมาณ 200,000 ตัน กำหนดยื่นและเปิดซองประมูลในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ เพื่อผ่อนคลายภาวะตึงตัวของตลาดภายในประเทศและความต้องการของผู้ส่งออก เนื่องจากผลผลิตใหม่ในประเทศออกสู่ตลาดล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และข้าวฤดูกาลใหม่ของเวียดนามจะเริ่มออกสู่ตลาดในต้นปี 2550 ทำให้เกิดภาวะตลาดตึงตัวและแนวโน้มราคาซื้อขายปรับตัวสูงขึ้น

ที่มา มติชน

       นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายฮัน แต กิว เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยเข้าพบว่า ทางฝ่ายไทยได้ขอให้เกาหลีทบทวนการเพิ่มโควต้าข้าวไทยให้เท่ากับจำนวนที่ตกลงไว้ตามกรอบขององค์การการค้าโลก ( WTO) เนื่องจากมีข่าวว่าเกาหลีจะตัดโควต้าข้าวภายใต้ WTO จำนวน 30,000 ตัน ด้วยวิธีการเปิดประมูลที่จะทำให้ข้าวไทยแข่งขันไม่ได้

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

        นายสุรพงษ์ ปรานศิลป์ อธิบดีกรมการข้าว เผยว่า ในปี 2550 กรมฯเตรียมจัดทำพื้นที่นำร่องเพื่อการพัฒนาผลิตข้าวครบวงจร 4 โครงการได้แก่ โครงการผลิตข้าวหอมมะลิเพื่อการส่งออก ทุ่งกุลาร้องไห้ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการจัดรูปที่ดิน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก โครงการการพัฒนาการผลิตข้าวในพื้นที่พระราชทาน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี นครนายก และนครปฐม

ที่มา แนวหน้า

        แฉเลห์จีนนำเข้าข้าวหอมปทุมธานี 1 ไทยผสมข้าวเมล็ดยาวในประเทศ ตีตลาดหอมมะลิแท้ไทยในสหรัฐ ราคาถูกกว่า 5-10 เซนต์ต่อปอนด์ ได้รับความนิยมสูงกลุ่มคนเอเชียในสหรัฐและร้านอาหารทั่วไป ทูตพาณิชย์ชี้สัญญาณอันตราย ผู้ส่งออกหวั่นกระทบระยะยาวเพราะสหรัฐเป็นตลาดใหญ่

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

        วงการอุตสาหกรรมข้าวไทย เปิดเผยว่า จากความนิยมในตัวข้าวหอมมะลิที่มีการผลิตและส่งออกจากประเทศไทยจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้ขณะนี้มีผู้ประกอบการจากต่างประเทศหลายรายเข้ามาตั้งบริษัทใหม่ในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่รับซื้อและส่งข้าวออกจากประเทศไทยเอง ไม่ผ่านบริษัทในไทย ซึ่งที่ผ่านมา เทรดเดอร์ข้าวรายใหญ่อย่าง Padiberas Nasional Berhad จากมาเลเซีย หรือ Herba ก็มีการตั้งบริษัทตัวแทนในประเทศไทยทั้งสิ้น

ที่มา โพสต์ทูเดย์

       เอกชนผู้ค้าข้าวไทย-เวียดนาม ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลค้าข้าว หวังป้องกันประเทศผู้นำเข้าข้าวแอบอ้างซื้อข้าวในราคาถูก เวียดนามส่งสัญญาณปีหน้าข้าวเวียดนามมีปริมาณน้อยเป็นจังหวะที่ดีที่ไทยจะผลักดันส่งออกข้าวสูงขึ้น ด้านนายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศมั่นใจปีหน้าดันส่งออกข้าวเกิน 8.5 ล้านตัน    

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       รัฐมนตรีพาณิชย์ของไทยชวนรัฐมนตรีการค้าของเวียดนาม ร่วมกันตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อค้าข้าวในตลาดโลกร่วมกันแทนที่จะแข่งขันกันตัดราคาข้าวกันเอง ซึ่งสุดท้ายไม่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แต่เวียดนามยังไม่รับปาก ขณะที่ไทยพร้อมให้เอกชนเข้าร่วมทุนในการแก้ปัญหาด้านยุ้งฉางในเวียดนาม และ 2 ประเทศยังเตรียมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมกันต้นปีหน้า

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

      นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า ผลดีจากการที่รัฐบาลได้กำหนดราคาส่งออกข้าวหอมมะลิ สำหรับปี 2549/2550 ไว้ที่ 8.7-9 พันบาทต่อตัน เมื่อเทียบกับราคา 9.7 พัน- 1 หมื่นบาทต่อตัน สำหรับผลผลิตในฤดูเก็บเกี่ยวที่ผ่านมา ส่วนราคาส่งออกข้าวขาวลดลงจาก 6.7-7.1 พันบาทต่อตัน เหลือ 6.1-6.5 พันบาทต่อตัน ทำให้ลด ช่องว่างราคาส่งออกข้าวไทยกับเวียดนามได้ ซึ่งปกติราคาข้าวจะแตกต่างกันประมาณ 15 เหรียญสหรัฐต่อตัน

      ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวที่สูง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ข้าวไทยมีราคาแพงกว่าข้าวของเวียดนามถึง 60 เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ต้องลดเป้าหมายในการส่งออกข้าวประจำปี 2549 ลงเหลือเพียง 7.2 ล้านตัน อย่างไรก็ดี เนื่องจากเวียดนาม ประสบปัญหาขาดแคลนข้าวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่งผลให้ไทยมีโอกาสที่จะส่งออกข้าวได้มากกว่า 7.5 ล้านตัน ภายในสิ้นปีนี้

ที่มา โพสต์ทูเดย์

       นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ทางภาครัฐและเอกชนผู้ส่งออกข้าวจากเวียดนามจำนวน 20 คน จะเข้าร่วมประชุมกับผู้ส่งออกข้าวและหน่วยงานภาครัฐของไทยโดยจะมีการประชุมปรึกษาหารือถึงสถานการณ์ข้าวในตลาดโลก โดยฝ่ายไทยจะมีการอธิบายถึงเหตุผลการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปีในฤดูการผลิตปี 2549/2550 ที่มีการกำหนดราคารับจำนำลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาเพราะขณะนี้สตอกข้าวของรัฐซึ่งเป็นข้าวค้างเก่าที่อยู่ในมือภาครัฐขณะนี้เกือบ 4 ล้านตัน ทำให้รัฐบาลขาดทุนหลายหมื่นล้านบาทให้กับทางเวียดนามได้รับทราบข้อเท็จจริง

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ออกคำสั่งยับยั้งการส่งออกข้าวยังประเทศต่างๆ เป็นการด่วน ยกเว้นข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับคิวบา และอินโดนีเซีย ซึ่งเรือจาก 2 ประเทศได้จอดที่ท่าของเวียดนามเพื่อรอบรรทุกข้าว ตั้งแต่ก่อนวันที่ 12 พ.ย.ขณะที่การส่งออกข้าวไปยังประเทศอื่นๆ นั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีก่อน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       นายอุดม สิทธิเดช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 5 ( สศข.5) จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์เก็บเกี่ยวข้าวนาปี ปี 2549/50 พบว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลใหม่เริ่มประสบปัญหาราคาตกต่ำ ปกติข้าวหอมมะลิที่มีความชื้นประมาณ 18-20% จะสามารถขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.05 บาท แต่ราคาข้าวที่ขายวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลดลงเหลือเพียงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.05 บาท ส่งผลให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนแม้ว่าคณะกรรมการนโยบายข้าวจะมีมติดูแลช่วยเหลือไปแล้วแต่ก็เป็นข้าวคนละคุณภาพ

ที่มา มติชน

       นายเกริกไกรจีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนการระบายข้าวในสต็อกของรัฐขณะนี้ประมาณ 3.1 ล้านตัน โดยเป็นข้าวหอมมะลิ 6 แสนตัน ที่เหลือเป็นข้าวขาวกว่า 2 ล้านตัน โดยในส่วนข้าวหอมมะลิจะเปิดประมูลขายทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ข้าวขาวจะประมูลขายเพื่อการส่งออกเพียงอย่างเดียว โดยจะเปิดประมูลเป็นการทั่วไปเดือนละ 2 ครั้ง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผู้ซื้อรายใดให้ราคาสูงรายนั้นจะเป็นผู้ชนะประมูล

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       ด่านศุลกากรเขมราฐคุมเข้มข้าวลาวทะลักข้ามโขง จับมือ นรข.-ทหารพรานออกตรวจท่าข้ามทุกแห่ง เกษตรกรชี้ฤดูกาล 2549/2550 ราคาข้าวเหนียวพุ่งเฉียดตันละ 1 หมื่นบาท ขณะที่ราคาข้าวเจ้าโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิตกต่ำ ระบุสาเหตุปีที่ผ่านมาเกษตรกรแห่ปลูกข้าวเจ้า รองรับราคาจำนำของรัฐบาล ส่งผลพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวลด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       กระทรวงการค้าเวียดนามรายงานว่า การส่งออกข้าวของประเทศในระยะ 10 เดือนแรกของปี 2549 นี้ทำรายได้เกือบ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถขนไปยังต่างประเทศได้มากกว่า 4.2 ล้านตันแล้ว ขณะที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้การส่งออกปีนี้เข้าเป้าที่ตั้งเอาไว้ประมาณ 5 ล้านตัน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       กรมการค้าต่างประเทศ แจ้งปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปตลาดทั่วโลกว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณส่งออกแล้วทั้งสิ้น 6,118,207 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทรวม 79,211 ล้านบาท ซึ่งราคาข้าวส่งออกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 337 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ตันละ 309 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.13 แยกเป็นการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย จำนวน 2,033,579 ตัน คิดเป็นมูลค่า 808 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 31,003 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนตามปริมาณร้อยละ 32.15 และตามมูลค่าร้อยละ 39.22 ของการส่งออกทั้งหมด และเชื่อว่าระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ การส่งออกข้าวไทยทุกชนิดน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ จะสามารถส่งออกข้าวได้ถึง 7.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยเปิดเผยว่า หากรัฐบาลไม่เร่งระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลซึ่งมีอยู่ประมาณ 5-6 ล้านตัน ออกสู่ตลาดโดยเร็ว คาดว่าภายในต้นเดือนธนวาคมนี้ 2549 ผู้ประกอบการข้าวถุงอาจจะต้องปรับขึ้นราคาข้าวถุงอีก 10-15% เนื่องจากจะเกิดปัญหาขาดแคลนข้าวสารในตลาดสำหรับการบริโภคภายในขึ้น

ที่มา แนวหน้า

       นายเกริกไกรจีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ธ.ก.ส. ผ่านระบบสัญญาณดาวเทียมเพื่อให้เจ้าหน้าที่รับทราบเกี่ยวกับแนวทางการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูการผลิตปี 2549/2550 โดยย้ำว่าแนวทางการรับจำนำเป็นเพียงการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในช่วงที่มีปัญหา ดังนั้น แนวโน้มจึงต้องการให้กลไกตลาดเป็นตัวควบคุม โดยเฉพาะเมื่อระบบเกษตรกรมีความเข้มแข็งทั้งการมีระบบข้อมูล มีตลาดกลาง ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วนโยบายการแทรกแซงคงไม่จำเป็น เพราะจะทำให้การแทรกแซงเป็นการบิดเบือนตลาด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่กระทรวงพาณิชย์จะนำข้าวส่วนหนึ่งที่อยู่ในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 3.7 ล้านตัน ออกไปขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า แทนการเปิดประมูล นอกจากจะเพิ่มมูลค่าการซื้อขายของตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแล้ว ยังทำให้ราคาข้าวในตลาดมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวนเหมือนที่ผ่านมา

ที่มา โพสต์ทูเดย์

       นายสุวรรณ คฑาวุธ นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ถึงหลักเกณฑ์โครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี 2549/2550 ที่เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2550 ส่วนใหญ่สาระสำคัญคล้ายกับโครงการจำนำข้าวครั้งที่ผ่านมา จะผิดก็ตรงที่ราคาข้าวทุกชนิดลดต่ำลงจากเดิมเฉลี่ยแล้วทุกชนิดราวร้อยละ 10 รวมทั้งเรื่องที่ให้เกษตรกรผู้มีสิทธิจำนำข้าว จะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นเกษตรกรจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับรองข้อมูลในหนังสือรับรองเกษตรกรด้วย

ที่มา มติชน

       โปรกเกอร์/ผู้ส่งออกข้าวใช้เวที การประชุมข้าวโลก หารือทิศทางการค้าข้าวต่อจากนี้ไปจนถึงปี 2550 มีแนวโน้ม ผลผลิตข้าวลดลง ทั้งจากประเทศผู้ผลิตประสบภัยธรรมชาติ จนกระทั่งถึง พื้นที่เพาะปลูกลดลง ถูก พืชน้ำมัน เข้ามาแย่งผลิตพลังงานทดแทน ส่งผลราคาข้าวโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตั้งความหวังไทยจะส่งออกข้าวออกสูงสุดในอีก 1 ปีข้างหน้าได้ถึง 12 ล้านตัน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

       นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ยืนยันว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส. พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ ปีการผลิต 2549/2550 ที่จะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดย ธ.ก.ส. ได้เตรียมเงินไว้แล้ว 20,000 ล้านบาท สำหรับการรับจำนำข้าวเปลือก ทั้งที่ยุ้งฉางของเกษตรกร และสถาบันการเกษตร โดยจะจ่ายเป็นค่าเช่ายุ้งฉาง และค่าเก็บรักษาข้าวอัตราตันละ 20 บาทต่อเดือน และจะรับจำนำจากใบประทวนที่องค์การคลังสินค้าออกให้ โดยเกษตรกรกู้ได้ไม่เกินรายละ 350,000 บาท กองทุนหมู่บ้าน ไม่เกิน 1 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรไม่เกิน 20 ล้านบาท และสหกรณ์การเกษตร กู้ได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันที่ 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้เริ่มระบายข้าวของฤดูรับจำนำปีที่แล้ว ที่ยังค้างอยู่กว่า 670,000 ตันแล้ว โดยกำหนดราคากลางตามตลาด หากไม่สามารถระบายได้หมด ก็จะขนย้ายข้าวจากยุ้งฉางของเกษตรกรไปเก็บที่ยุ้งฉางกลาง ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเสนอคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. ใช้วิธีระบายข้าวเป็นระยะ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคา และปัญหาข้าวตกค้าง

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       น.ส.ณัฐฐิรา ลิ่ววรุณพันธ์ รอง ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ อคส.ทำตลาด ข้าวแบรนด์ “ จินไท้ยู้” หรือชื่อเดิม ทรัสมี ออกวางจำหน่ายที่ห้างค้าปลีกในตลาดจีน ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดจำหน่ายแล้ว 172 ตัน แต่คงไม่ถึงเป้าที่กำหนดยอดจำหน่ายปี 2549 ไว้ที่ 5 พันตัน เนื่องจากห้างทรัสมาร์ทของจีน ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ อคส.ที่จะนำข้าวจินไท้ยู้ไปวางจำหน่ายนั้น อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใหม่

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผย กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรมการข้าวและกรมวิชาการเกษตร เพื่อจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ข้าวไทยปลอดจีเอ็มโอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดส่งออกข้าวไทย โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป ( อียู) หลังจากที่อียูตรวจพบการปนเปื้อนข้าวจีเอ็มโอกับข้าวทั่วไปที่ส่งออกจากสหรัฐฯ ทำให้ผู้ซื้อไม่มั่นใจและหันมาเข้มงวดการนำเข้าข้าวมากขึ้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

      นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองประธานคณะกรรมการนโยบาย ข้าว ( กนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าวที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปีการผลิต 2548/2549 ไว้ ซึ่งพบว่า ในช่วงเดือนตุลาคม ยังมีปริมาณกว่า 678,000 ตัน ค้างอยู่ในยุ้งฉางของเกษตรกร ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกมาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ทำให้เกษตรกรไม่มียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวรองรับข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ ดังนั้น จะให้ ธ.ก.ส. เร่งระบายข้าวดังกล่าว โดยจัดประมูลขายข้าวและให้คำนึงถึงราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ออกไปโดยด่วน รวมทั้งเปิดโอกาสให้โรงสีที่อยู่ต่างถิ่นสามารถเข้าร่วมประมูลซื้อได้ และกรณีไม่อาจประมูลหมด ยังมีข้าวค้างอยู่ในยุ้งฉาง ให้ขนข้าวย้ายไปเก็บที่โกดังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และ ธ.ก.ส. โดยเร็ว เพื่อให้เกษตรกรมียุ้งฉางว่างสำหรับเก็บข้าวฤดูใหม่

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

      นายวิเชียร พวงลำเจียก กรรมการสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศเตรียมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อกดดันให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ และแสดงความชัดเจนช่วยเหลือชาวนาไทย กรณีกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 49/50 ต่ำเกินไป ซึ่งราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 6.4 พันบาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ 8.7–9 พันบาท และข้าวเปลือกเหนียว 7.5-7.6 พันบาท ถือว่าไม่จริงใจต่อการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ราคาดังกล่าวถือว่าต่ำมาก ต่ำกว่าราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 48/49 หากกดราคารับจำนำลงมา ราคาในตลาดหน้าโรงสีทั่วไป ก็จะตกตามลงไปด้วย ซึ่งควรให้ราคา จำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ไม่ต่ำกว่าตันละ 7.1 พันบาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1 หมื่นบาท และข้าวเปลือกเหนียว 8 พันบาท ซึ่งเป็นราคารับจำนำเก่าเมื่อปีที่ผ่านมา

ที่มา โพสต์ทูเดย์

       นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นเทศกาลลอยกระทง และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่จัดงานลอยกระทง กรมจึงได้ใช้โอกาสนี้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่และสุโขทัย จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทยครั้งใหญ่ เพื่อให้ผู้บริโภคคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักและจดจำในรสชาติของข้าวหอมมะลิไทยแท้ๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภคข้าวหอมมะลิไทย

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       กนข.ประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2549/50 ต่ำลงทุกรายการ เหตุรัฐบาลก่อนใช้นโยบายผิดพลาด ตั้งราคาเว่อร์กว่าราคาตลาดถึง 30% ทำรัฐขาดทุนกว่า 18,000 ล้านบาท แถมเหลือข้าวในสต๊อกกว่า 3 ล้านตัน “ หม่อมอุ๋ย” มั่นใจเกษตรกรรับได้ เพราะราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ชาวนาโอดราคาต่ำเกินจริง เตรียมร้องให้ทบทวน ผู้ส่งออกตีปีก ชี้ราคาเหมาะสมทำให้แข่งขันได้ดี

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       ก.พาณิชย์ รับข้อเสนอสมาคมโรงสีข้าวไทย ตั้งคณะทำงานข้าว วางยุทธศาสตร์ข้าวทั้งระบบ สั่งเช็คสต๊อกทั่วประเทศ พร้อมประกาศนโยบายจำนำในการประชุม กนข.วันนี้ ยันไม่รับจำนำทั้งหมดยึดกลไกตลาด ขณะที่โรงสีเตรียมยกเลิกซื้อข้าวที่ประมูลได้จากรัฐ ยอมถูกขึ้นบัญชีดำกับภาครัฐ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการซื้อข้าวไม่คุ้มกับที่ต้องขาดทุน และขอให้ อคส. แก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกอบการ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ได้มีตัวแทนจากโรงสีข้าวจำนวนหนึ่ง   ที่เสนอซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 48/49 ตันละ 9,000 บาท เดินทางมายังกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากไม่พอใจที่นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัติจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 48/49 ประมาณ 220,000 ตัน หรือประมาณ 60% ของข้าวที่เปิดประมูลทั้งหมด 374,000 ตัน ในราคาตั้งแต่เพียงตันละ 8,500 บาท ซึ่งต้องการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ชี้แจงเหตุผลจำหน่ายข้าวด้วยราคาที่แตกต่างกันมาก เพราะโรงสีตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ได้รับการอนุมัติจำหน่ายในราคาต่ำอาจจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับ อคส.

ที่มา เดลินิวส์

        นายกสมาคมชาวนาไทย ระบุ กรณีที่ ก.พาณิชย์ เตรียมเสนอ กนข. ให้เกษตรรับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเพียง 70% ที่เหลืออีก 30% ให้รอจำหน่ายในราคาตลาด โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับ 100% ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ ทั้งนี้รัฐควรประกาศให้เกษตรกรรับเงิน 100% แต่ต้องกำหนดราคาข้าวแยกตามชนิดและฤดูกาลเพาะปลูกให้ชัดเจนโดยราคาข้าวที่กำหนดมานั้นจะต้องเป็นธรรม และในราคาที่เกษตรกรไม่ขาดทุน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       ก.พาณิชย์ เตรียมเสนอแนวทางรับจำข้าวและบริหารข้าวต่อ กนข. ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยเกณฑ์ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2549/50 จะนำเสนอ 2 แนวทาง วิธีแรกรัฐรับจำนำ 70% และกำหนดราคากลาง วิธีที่ 2 ตั้งราคาขึ้นมาก่อน โดยรัฐรับจำนำ 70% อีก 30% ปล่อยตามกลไกตลาด ทั้งนี้ สำหรับการเตรียมความพร้อมป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ ทาง อคส. จะนำทหารประมาณ 100 นายมาฝึกอบรมเพื่อไปเฝ้าระวังที่โรงสีข้าวในพื้นที่ 3 จังหวัดที่มีการทุจริตสูง

ที่มา คมชัดลึก

       ในการเยือนประเทศอินโดนีเซียของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมเดินทางด้วย และจะนำเสนอขายข้าวในสต๊อคของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยเปิดประมูลซื้อข้าวจำนวน 3 แสนตันในสิ้นปีนี้ โดยล็อตแรกเวียดนามชนะการประมูล

ที่มา มติชน

       น้ำท่วม 54 จังหวัด นาข้าวจมบาดาลร่วม 4 ล้านไร่ ผู้ส่งออกชี้ไม่กระทบส่งออกเพราะโดยธรรมชาติน้ำท่วมนาข้าวพื้นที่ดอนจะได้ผลผลิตดี พื้นที่ลุ่มจมน้ำปลูกชดเชยใหม่ได้ แต่ชาวนามีภาระต้นทุนเพิ่มรัฐต้องช่วยเหลือ คาดสถานการณ์ราคาไม่ต่ำกว่าปีนี้เนื่องจากสต๊อกข้าวโลกลด

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

       นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังหารือกับสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศเพื่อรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับสินค้าภาคการเกษตรโดยเฉพาะข้าวว่ารัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการเร่งระบายข้าว โดยเฉพาะข้าวที่อยู่ในสต็อกรัฐบาลกว่า 3 ล้านตัน ออกมาสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นการเร่งระบายเป็นระยะ แต่จะเน้นให้ราคาเป็นไปตามตลาดโลก ที่สำคัญการระบายข้าวจะต้องดำเนินการเป็นธรรมต่อระบบ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายไม่เก็บข้าวไว้นาน ไม่ทำให้ราคาสูงจนเป็นการบิดเบือนตลาด แต่ราคาที่เหมาะสมจะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อน โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถกำหนดตัวเลขที่ชัดเจนได้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เท่าที่ดูสถานการณ์การส่งออกข้าวปีนี้ เชื่อว่าจะได้ประมาณ 7.5 ล้านตัน แต่ในปี 2550 ยังไม่ได้ประเมินตัวเลขที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากปัจจัยตลาดโลกในปีหน้า โดยเฉพาะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดจีน อินเดียและอีกหลายประเทศยังมีค่อนข้างมาก จึงคาดว่าการส่งออกข้าวในปีหน้า จะใกล้เคียงกับปี 2549 คือ ไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านตันแน่นอน ซึ่งตัวเลขที่ชัดเจนจะขอหารือกับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว หรือ กนข.ในสัปดาห์หน้าก่อน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

       นายชูเกียรติ์ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยถึง ข้อเสนอแนะที่สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศต้องการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ไขว่า ต้องการให้ลดบทบาทการรับจำนำข้าวให้น้อยลง แต่การรับจำนำ ก็จะต้องยังคงมีอยู่ต่อไป และกระทรวงพาณิชย์ ต้องแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างแท้จริงในการลดต้นทุนการผลิต การขนส่งโลจิสติกส์ รวมทั้งการเปิดรับจำนำเฉพาะข้าวเปลือก โดยให้เกษตรกร ผู้ที่จำนำข้าวเป็นผู้เก็บรักษาดูแลข้าวไว้เอง อีกทั้งยังมีสิทธิในการฝากหรือซื้อขายข้าวให้เป็นไปได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการปลอมปน และการก่อให้เกิดการทุจริตของภาครัฐเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ที่มา โพสต์ทูเดย์

      นายชูเกียรติ์ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า ทางสมาคมฯ เตรียมประเด็นที่จะนำเสนอต่อ นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่จะมีการหารือกันในวันนี้ โดยประเด็นแรกคือ ขอให้เปิดรับจำนำข้าวเปลือกเหมือนเดิม เพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรให้สามารถจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาดี แต่ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาราคาข้าวเปลือกให้เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป และน่าจะเป็นราคาเดิมของปี 2549 เพราะหากราคาสูงเกินไป อาจมีปัญหาด้านการแข่งขัน จึงอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเรื่องนี้

      และจะเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการเปิดรับจำนำ โดยให้เปิดรับจำนำข้าวเปลือกแทนการจำนำข้าวสาร ซึ่งจะให้รัฐบาลให้ความสำคัญในส่วนนี้ เพราะหากสามารถรับจำนำข้าวเปลือก การจัดเก็บจะมีระยะเวลานานกว่าข้าวสาร เห็นได้ชัดในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา มีการรับจำนำข้าวสาร ผลปรากฏว่า ข้าวที่ผู้ส่งออกซื้อและจัดส่งไปขายต่างประเทศมีปัญหาถูกตีกลับ ทำให้เสียชื่อเสียง รวมทั้งความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ไม่ได้ทำกิจการโรงสี ผู้ส่งออกข้าวต้องเสียภาษี 0.75% ของมูลค่า ขณะที่โรงสีข้าวที่ส่งออกกลับไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าว ซึ่งเคยขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาลมาแล้วหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับตอบ แนวทางดังกล่าวถือเป็นข้อเสนอระยะสั้น ส่วนระยะยาวคงต้องพิจารณาร่วมกันต่อไป.

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

       กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เลือกอุดรธานีเป็นพื้นที่นำร่องพัฒนาการรวมกลุ่มคลัสเตอร์โรงสีข้าว หวังให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ มั่นใจอนาคตจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆในอุตสาหกรรมโรงสีข้าว ทั้งการตลาด-การผลิต

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

      นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยผลการประมูลข้าวเปลือกหอมมะลิ จำนวน 374,727 ตัน จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2548/49 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมประมูล 84 รายว่า อคส.ได้นำผลประมูลให้นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 แนวทางให้เลือก คือเสนอซื้อตั้งแต่ราคาตันละ 8,500 บาทขึ้นไป ตั้งแต่ตันละ 9,000 บาทขึ้นไป และตั้งแต่ตันละ 9,300 บาทขึ้นไป คาดว่าจะอนุมัติในสัปดาห์นี้

ที่มา มติชน

      ผลผลิตข้าวเปลือกรวมในที่เขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงหรือเขตกู๋ลอง (Cuu Long) ในปีนี้อาจจะลดลงเหลือเพียง 660,000 ตัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าในปี 2550 เวียดนามจะขาดแคลนข้าวสำหรับการส่งออก    

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์