นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วันที่ 4 ต.ค.นี้ จะมีการพิจารณาเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2550/2551 เพราะผลผลิตข้าวเปลือกนาปีจะออกสู่ท้องตลาดในเดือนพ.ย. นี้ แล้ว โดยราคารับจำนำจะใช้ราคาตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี หรือเป็นราคานำตลาดไม่เกินตันละ 300 บาท เช่น หากราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 6,000 บาท อาจกำหนดราคารับจำนำไม่เกินตันละ 6,300 บาท ระยะเวลารับจำนำเริ่มในเดือนพ.ย.2550- ก.พ.2551 ส่วนระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือนนับจากวันรับจำนำ คาดว่าจะมีเกษตรกรนำข้าวมารับจำนำไม่เกิน 1.5 ล้านตัน
“ที่จริงผมอยากเสนอให้เว้นวรรคการรับจำนำไปหนึ่งปี เพื่อปรับระบบการรับจำนำข้าวใหม่ ให้ปลอดจากการทุจริต แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ต้องการช่วยเหลือเกษตรกร แต่หากรับจำนำก็ต้องทำในปริมาณให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการทุจริตน้อยที่สุด ที่สำคัญรัฐไม่ต้องมีภาระในการบริหารจัดการสต็อกมาก” นายพิสุทธิ์ กล่าว
สำหรับโรงสี หรือโกดังกลางที่มีปัญหาทุจริต หรืออยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งมีจำนวนมากนั้น อคส.จะขึ้นบัญชีดำ และไม่ให้เข้าร่วมโครงการโดยเด็ดขาด
นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า การทำประกันภัยน้ำท่วมข้าวในสต็อกรัฐ ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทประกันวินาศภัยรายใดรับทำประกันภัยน้ำท่วมข้าวในสต็อกรัฐ เพราะมีความเสี่ยงสูงว่าจะเกิดน้ำท่วมอย่างเฉียบพลัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างพระนครศรีอยุธยา หรือจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่กล้าเสี่ยงรับประกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ได้ตรวจสอบพบว่าข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ฝากเก็บไว้ในโกดังเอกชนหายไปอีกประมาณ 5,000 ตัน ในโกดัง จ.เชียงราย 900 ตัน และที่ จ.ชัยนาท 2 แห่ง 4.1 พันตัน ความเสียหาย 32 ล้านบาท
นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ที่ไปตรวจสอบ และยืนยันว่าข้าวอยู่ครบถ้วน ซึ่งจะพิสูจน์ได้จากการตรวจสอบข้าวในสต็อกรัฐครั้งใหญ่อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|