www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

รายงาน : จับตาอนาคตข้าวเหนียวไทย หลังตลาด "จีน" บูมรับโอลิมปิก


     นับเป็นข่าวดีสำหรับภาคเกษตรกรรม ที่ราคาข้าวเหนียวในประเทศพุ่งเป็นประวัติการณ์รอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ล่าสุดแตะระดับที่ 1.3 หมื่นบาทต่อตัน กระนั้นคงต้องถามว่าราคาที่พุ่งสูงขณะนี้ ถึงมือภาคเกษตรเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ นอกจากนี้ ก็ต้องจับตาว่าราคาข้าวเหนียวที่พุ่งสูงในขณะนี้ ระยะยาวจะมีผลกระทบด้านตลาดหรือไม่ เพราะหากไม่วางแผนดีๆ เกษตรกรก็จะถลำปลูกจนล้นตลาด

เผย"จีน-ญี่ปุ่น"แห่นำเข้าทำขาดตลาด

     นายสุทิน กองทอง ผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นฮาร์เวสท์ ไรซ์มิลล์ จำกัด จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากกระแสความต้องการข้าวเหนียวในสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศญี่ปุ่น จนทำให้ราคาข้าวเหนียวในประเทศพุ่งสูงขึ้นนั้น ทางผู้ประกอบการโรงสีหลายแห่งเฝ้าติดตามราคาข้าวนาปี ที่จะเข้าสู่ตลาดในอีกระยะอันใกล้นี้ ซึ่งจะทำให้ทราบความต้องการของตลาดได้

     "ข้าวที่เข้าสู่ตลาดในระยะดังกล่าวจะเป็นข้าวเหนียวคุณภาพต่ำ หากผู้ประกอบการโรงสีรับซื้อข้าวเหนียวสดในราคา 7 บาท/กิโลกรัมขึ้นไป เชื่อว่าหากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงพฤศจิกายนนี้ จะทำให้ราคาข้าวเหนียวขยับพุ่งสูงขึ้นได้" นายสุทินกล่าว

     ทั้งนี้ ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีความต้องการข้าวเหนียวเพิ่มขึ้น นอกจากจะนำไปบริโภคแล้ว ยังนำไปแปรรูปเป็นแป้งข้าวเหนียว ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นจากเดิม 8 บาท/กิโลกรัม ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 13-13.50 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ญี่ปุ่นเองเริ่มมีการนำเข้ามากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดเชียงรายและพะเยา มีการเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวเพิ่มขึ้นด้วย

     “พื้นที่เพาะปลูกข้าวของเชียงราย มีประมาณ 1.2 ล้านไร่ จังหวัดพะเยาอีกกว่า 8 แสนไร่ พื้นที่กว่า 90% หรือประมาณ 1.8 ล้านไร่ เกษตรกรจะใช้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวเหนียว ซึ่งจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 1,260 ล้านกิโลกรัม โดยจะบริโภคภายในประเทศประมาณ 70% ส่วนที่เหลือ 30% จะส่งออกไปยังประเทศจีน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์” นายสุทินกล่าว

เกษตรกรรับอานิสงส์ขายข้าวราคาดี

     ด้านนายบุญช่วย ทิพย์เดโช ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด กล่าวว่า เกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวในพื้นที่อำเภอสันป่าตองและอำเภอแม่วาง ซึ่งเป็นสมาชิกของหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง หันมาปลูกข้าวเหนียวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเทศจีนมีการสั่งข้าวเหนียวเพื่อนำไปผลิตเหล้าสาเก ส่งผลให้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังที่ผ่านมา มีการซื้อข้าวเหนียวสดจากเกษตรกรสูงถึง 11 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ราคาข้าวสารเหนียวจากกิโลกรัมละ 22.66 บาท เพิ่มสูงเป็นกิโลกรัมละ 23.77 บาท

     “ราคาข้าวเหนียวที่พุ่งสูงขึ้น ถือว่าเป็นผลดีกับเกษตรกรที่เพาะปลูกค้าทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า เนื่องจากเกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น ในขณะที่ข้าวเจ้าเริ่มมีพื้นที่เพาะปลูกน้อยลง ทำให้มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ส่งผลให้ราคาข้าวสารเจ้าขยับสูงขึ้นด้วย” นายบุญช่วยกล่าว

เตือนเกษตรกรระวังข้าวล้นตลาด

     ด้านนายวัยรักษ์ วลัยรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันจีนได้นำเข้าข้าวเหนียวจากไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศจีน จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีพ.ศ. 2551 ทำให้บริษัทผลิตสาเกของญี่ปุ่นที่ตั้งโรงงานอยู่ในจีน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมายังประเทศจีนในช่วงดังกล่าว อีกทั้งยังมีโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหารและขนมของประเทศจีน มีความต้องการวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

     จากความต้องการดังกล่าว ส่งผลให้ข้าวสารเหนียวราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 8,000 บาท/ตัน เป็น 13,000 บาท /ตัน นอกจากนี้ ยังพบว่าในส่วนของข้าวสารเจ้า ราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม 8,000 บาท/ตัน เป็น 9,000 บาท/ตัน เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกน้อย ส่งผลให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น

     "ทั้งนี้เป็นห่วงราคาข้าว เพราะหากประเทศจีนมีความต้องการลดลง จะส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำได้ ดังนั้นจึงได้แจ้งเตือนให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียว ตรวจสอบความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ปริมาณข้าวล้นตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเพาะปลูกในปีหน้านี้" นายวัยรักษ์ กล่าว

     แม้ว่าราคาข้าวเหนียวจะพุ่งสูงตามความต้องการของตลาดจีนและญี่ปุ่นก็ตาม แต่กระนั้นเกษตรกรก็ต้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.