แม้ว่าในหลายพื้นที่จะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีมรสุมพัดผ่านประเทศไทยหลายลูกแล้ว แต่ปรากฏว่าในบางพื้นที่ในเขตอีสานใต้ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิกำลังประสบปัญหาฝนแล้งและฝนทิ้งช่วงอย่างหนัก ทำให้ข้าวนาปีที่เริ่มปลูกไว้ในช่วงต้นฤดูเดือนมิถุนายนเป็นต้นมาเหี่ยวเฉาตายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ จ.นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด

     นายวีระศักดิ์ ประพิตรภา นักวิชาการเกษตร 7 ศูนย์ปฏิบัติการเกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ปักดำทำนาไปแล้วร้อยละ 95.65 หรือ 2,992,920 ไร่ ส่วนใหญ่จะหว่านข้าวแห้งและใช้พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข.15 ซึ่งเป็นข้าวเจ้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด แต่พบว่าปีนี้นาหว่านเจอฝนทิ้งช่วงจึงได้รับความเสียหาย 591,919 ไร่ ได้แก่ พื้นที่อำเภอท่าตูม จอมพระ บัวเชด และกิ่งอำเภอโนนนารายณ์

     ขณะที่นายบรรหาญ สุวรรณพันธ์ เกษตรอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า เขตทุ่งกุลาร้องไห้ครอบคลุม 9 ตำบลของอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เนื้อที่กว่า 1.2 แสนไร่ เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของจังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรร้อยละ 90 นิยมทำนาหว่าน โดยปีใดที่มีฝนตกตามเกณฑ์เฉลี่ยปกติ เกษตรกรจะผลิตข้าวหอมมะลิได้ไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นตัน

     แต่จากความผันผวนของสภาพอากาศตั้งแต่เดือนเมษายน-ต้นเดือนสิงหาคม พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันส่งผลให้แปลงนาข้าวของเกษตรกรมีหญ้าและวัชพืชขึ้นรบกวน จึงคาดว่าผลผลิตข้าวหอมมะลิในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ฤดูกาลทำนาปีในปี 2550 มีแนวโน้มลดลงกว่าครึ่ง แม้ช่วงนี้จะมีฝนตกบ้าง แต่ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นฤดูทำนา การช่วยเหลือได้ออกติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและประสานขอฝนหลวง

     ด้านนายสุทิน พรมงคลชัย ประธานหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม ให้ความเห็นถึงผลกระทบต่อธุรกิจในพื้นที่ว่า ผลผลิตของข้าวหอมมะลิที่ลดลงนอกจากปัญหาภัยแล้งแล้ว สาเหตุหนึ่งเกษตรกรเริ่มหันมาปลูกข้าวเหนียวมากขึ้น เพราะราคาสูงกว่าข้าวหอมมะลิเกวียนละ 3-4 พันบาท เมื่อผลผลิตข้าวลดลงก็ย่อมทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง กำลังซื้อสินค้าตัวอื่นก็จะได้รับผลกระทบ แต่อาจไม่มากนักเพราะก็ต้องหารายได้อื่นมาทดแทน ช่วงนี้ภาพรวมเศรษฐกิจการบริโภคลดลงทุกภาคส่วน แต่ในปีหน้าหากมีการเลือกตั้งก็อาจมีเม็ดเงินสะพัดออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้บ้าง

     ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกข้าวในจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2550 พบว่ามีพื้นที่ทำนาทั้งหมด 2,204,474 ไร่ พื้นที่ทำนา 2,084,839 ไร่ มีการปลูกข้าวเจ้า 820,549 ไร่ ปลูกข้าวเหนียว 1,264,290 ไร่

     นายสุพงศ์ สินธุรัตน์ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา มีรายงานความเสียหายจากสถานการณ์ภัยแล้งเข้ามาเพียง 1 อำเภอ คือ อ.เสิงสาง เขต ต.สุขไพบูลย์ โนนสมบูรณ์ วานตะเคียน กุดโบสถ์ บ้านราษฎร์ พื้นที่ 5,842 ไร่ คาดว่าเกิดความเสียหายโดยประมาณการแล้วกว่า 3,375 ไร่ เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 313 ราย เป็นพืชไร่ 5,352 ไร่ ประมาณการความเสียหาย 3,100 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น 236 ไร่ ประมาณการความเสียหาย 140 ไร่ และพืชผัก 254 ไร่ ประมาณการความเสียหาย 135 ไร่

     และมีการรายงานเข้ามาว่า พื้นที่ใน อ.สูงเนิน และ อ.ขามทะเลสอ 1,100 ไร่ คือ อ.สูงเนิน 770 ไร่ ขามทะเลสอ 330 ไร่ ได้รับความเสียหายจากฝนตกหนัก พืชไร่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ประมาณการค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

     ด้านนายสกล คุณนิยม หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ในจังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่ทำเกษตร 3,298,030 ไร่ ข้อมูลล่าสุดเมื่อ 25 สิงหาคม 2550 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 2,920,031 ไร่ ส่วนใหญ่ทำนาดำและนาหว่านไปแล้ว 90% ใน 17 อำเภอ และอีก 3 กิ่งอำเภอ ส่วนมากปลูกข้าวหอมมะลิและหันมาปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ กข. 6 มากขึ้น เนื่องจากราคาดีกว่า นอกจากนี้ยังตีตลาดประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย อาทิ เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย

     อย่างไรก็ตามขณะนี้เกษตรกรในเขตพื้นที่กิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวงประสบปัญหาน้ำท่วมขังนาข้าว ซึ่งเกษตรจังหวัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจความเสียหายแล้ว คาดว่าหากผ่านช่วงมรสุมทุกอย่างน่าจะคลี่คลายและจะพยายามติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ