นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการตรวจสอบโกดังข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐ ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงและองค์การคลังสินค้า (อคส.) วานนี้ (6 ก.ย.) ว่าที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะตรวจสอบข้าว ซึ่งเป็นมาตรการเฉพาะกิจ เพื่อแก้ปัญหาข้าวหายไปจากโกดังของ อคส. ในพื้นที่หลายจังหวัด

     คณะตรวจสอบระดับเจ้าหน้าที่ จะมีข้าราชการระดับผู้อำนวยการกองเป็นหัวหน้าแต่ละคณะฯ และมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์ จังหวัด และ อคส. ทำงานร่วมกัน ทำหน้าที่แยกย้ายตรวจโกดังของ อคส.ทั้ง 422 แห่งทั่วประเทศ โดยมีคู่มือการตรวจสอบ ที่เน้นการตรวจว่าปริมาณข้าวครบจำนวนหรือไม่ ส่วนเรื่องคุณภาพข้าวจะได้ข้อมูลบางส่วน ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไปหลังจากการทำงานแล้วเสร็จ

พาณิชย์ตั้งชุดตรวจโกดังข้าวใน 3 สัปดาห์

     นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แต่งตั้งนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะตรวจสอบเฉพาะกิจระดับสูงที่จะมีข้าราชการซี 10 ขึ้นไป เป็นหัวหน้าคณะแต่ละชุด เพื่อทำหน้าที่สุ่มตรวจ การทำงานของคณะตรวจสอบชุดเจ้าหน้าที่อีกชั้นหนึ่ง โดยการทำงานทั้งหมดนี้กำหนดให้เสร็จสิ้นภายใน 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

     ทั้งนี้ การตรวจสอบจะเน้นเฉพาะข้าวในโกดังของรัฐปริมาณ 3 ล้านตัน ส่วนข้าวที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด มีสัญญากับ อคส.แล้วไม่มารับมอบข้าวตามสัญญานั้น จะไม่ตรวจสอบในครั้งนี้ เพราะได้ทำการตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้วไม่พบการสูญหาย และได้ให้กองทัพภาคที่ 3 ดูแลโกดังข้าวเหล่านี้แล้ว

สู้คดี "เพรซิเดนท์ฯ" ยันหลักฐานแน่น

     นางอรนุช กล่าวกรณีที่ผู้บริหารเพรซิเดนท์ฯ ขู่จะฟ้องกลับกระทรวงพาณิชย์ทำให้เสียหายกรณีผิดสัญญาข้าว ว่า ต้องไปสู้คดีในชั้นศาล เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงกันไป ซึ่งแต่ละฝ่ายก็สามารถนำหลักฐานที่มีอยู่ออกมาแสดง ซึ่งในส่วนราชการมีการทำงานทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และมีการบันทึกข้อมูลทุกอย่างไว้แล้ว การฟ้องร้องรัฐถือเป็นเรื่องปกติ ที่รัฐมีเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายดำเนินการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน

     นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า ก่อนการระบายข้าวทุกครั้ง จะให้ผู้สนใจประมูลเข้าดูสภาพข้าวในโกดังก่อน และเท่าที่ตรวจสภาพข้าวกองที่บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ชนะการประมูล ยังมีสภาพดี ดังนั้นข้อกล่าวหาว่าเป็นข้าวไม่มีคุณภาพจนไม่สามารถส่งออกได้จึงไม่ใช่ความจริง อย่างไรก็ตาม การที่บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ทิ้งสัญญาข้าว ยังไม่สร้างความเสียหายให้ภาครัฐเพราะข้าวยังอยู่ในโกดังของรัฐ และสามารถนำออกประมูลได้ตามปกติแต่หากขายได้ราคาต่ำกว่าที่เพรซิเดนท์ฯ ประมูลไว้ก็สามารถเรียกค่าส่วนต่างได้จากเพรซิเดนท์ฯ

     ทั้งนี้ อคส.ยืนยันว่า การส่งข้าวหรือการรับข้าวออกไปจากโกดัง จะมีขั้นตอนการบันทึกและเอกสารแบบฟอร์มเดียวกันเหมือนกันทุกบริษัท จึงมั่นใจว่าการส่งมอบข้าวออกไปจาก อคส.จะไม่มีปัญหาตามที่มีการกล่าวหา

ประมูลฉาว "ข้าวไชยพร" ให้ราคาสูงสุด

     นางอรนุช กล่าวหลังเป็นประธานเปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ปริมาณ 558,598 ตัน ว่า การเปิดประมูลรอบนี้แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 45,103 ตัน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และข้าวขาว 5% ปริมาณ 513,495 ตัน เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองส่วนเป็นข้าวจากสต็อกรัฐบาล ที่ได้จากโครงการรับจำนำปี 2547/2548 ซึ่งราคาที่เสนอซื้อมาอยู่ในเกณฑ์ ที่จะพิจารณาต่อรองได้ เมื่อเทียบกับราคาตลาดในขณะนี้ ไม่ได้ต่ำมากเกินไป แต่รัฐจะขายหรือไม่จะยึดราคาตลาดเป็นเกณฑ์ และจะคำนึงถึงคุณภาพข้าวและอายุของข้าวที่จะขายด้วย

     ทั้งนี้ข้าวที่ให้จำหน่ายในประเทศ มีผู้เสนอซื้อ 4 ราย คือ บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด ซื้อ 16,715 ตัน ราคา 8,800 บาทต่อตัน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ซื้อ 16,715 ตัน ราคา 8,300 บาทต่อตัน บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ซื้อ 45,103 ตัน ราคา 8,000-8,050 บาทต่อตัน และบริษัท พิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์ ซื้อ 28,388 ตัน ราคา 7,510-8,010 บาทต่อตัน

     ส่วนข้าวที่ให้ส่งออกไปต่างประเทศ มีผู้เสนอซื้อ 6 ราย ได้แก่ บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด ซื้อ 87,810 ตัน ราคา 8,850-8,910 บาทต่อตัน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ซื้อ 317,132 ตัน ราคา 8,300-8,900 บาทต่อตัน บริษัท เอเชียโกลเด้นท์ไรซ์ จำกัด ซื้อ 57,933 ตัน ราคา 8,650-8,850 บาทต่อตัน บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด ซื้อ 52,103 ตัน ราคา 8,800 บาทต่อตัน บริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซื้อ 22,963 ตัน ราคา 7,500-8,210 บาทต่อตัน บริษัท โชคอนันต์ไรซ์ (2003) จำกัด ซื้อ 15,709 ตัน ราคา 7,500 บาทต่อตัน

เพรซิเดนท์ฯ ต้องจ่ายส่วนต่าง 600 ล.

     นายพิสุทธ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ หากข้าวที่ขายเป็นส่วนของ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด อคส.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยหากผู้ซื้อรายใหม่ทำสัญญาซื้อขายมารับข้าวออกจากโกดัง และจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะมาพิจารณาว่ามีส่วนต่างเท่าใด จากนั้นจะเรียกค่าส่วนต่างจากเพรซิเดนท์ฯ พร้อมค่าปรับอื่นๆ

     แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า ข้าวขาว 5% ปริมาณ 558,598 ตัน ที่นำออกเปิดประมูลในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ยึดมาจากเพรซิเดนท์ฯ เกือบทั้งหมด โดยรัฐต้องการแก้ไขปัญหาเพรซิเดนท์ฯ ให้เร็วที่สุด หากพิจารณาจากราคาเสนอในการประมูลพบว่า ราคาสูงสุด 8,900 บาทต่อตัน โดยราคาเอฟโอบี ณ วันที่ 5 ก.ย. 50 ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ราคา 334 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

     ทั้งนี้เทียบกับราคาที่เพรซิเดนท์ฯ ชนะประมูลราคา 10,000 บาทต่อตัน ทำให้เกิดส่วนต่างราคาที่ เพรซิเดนท์ฯ ให้ราคาที่สูงกว่า 1,100 บาทต่อตัน หรือ ส่วนต่างราคาที่ต้องชดเชยให้รัฐราว 600 ล้านบาท สำหรับการประมูลล็อตนี้

     สำหรับบรรยากาศการเปิดซองประมูลข้าวครั้งนี้ มีผู้ส่งออกและผู้ค้าข้าวร่วมประมูลจำนวนน้อยมาก ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากผู้ส่งออกหลายรายไม่ทราบข่าว แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่าด้วยว่า บริษัทเพรซิเดนท์ฯ มาขอยืมข้าวโดยนำ L/C มาแสดงว่ามีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่ไม่มีข้าวที่จะส่งให้ขอยืมข้าวมาส่งออกก่อน ซึ่งเป็นวิธีการปกติที่มีการยืมข้าวกันในวงการ แต่บริษัทยืมไปแล้วไม่คืนข้าวให้เสียหายไป 300-400 ล้านบาท และทราบว่าทางบริษัทนำ L/C มาแจ้งกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) เช่นเดียวกัน เพื่อขอนำข้าวออกจากโกดังไปขายก่อน แต่นางอรนุชไม่ได้อนุมัติให้

     ขณะเดียวกันวานนี้ (6 ก.ย.) พ.ต.อ. วิรัฒน์ เป้าคำ ผกก. สภ.อ. ตะพานหิน จ.พิจิตร กล่าวว่า หลังจากที่นายกิตติ มโนธรรมกิจ อดีตหัวหน้า อคส.พิจิตร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักข้าว อคส. ที่โกดังราชา การเกษตรไร้มิล ที่ อ.ตะพานหิน และเดินทางเข้ามามอบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่นายบรรจง รุณหอม บริษัทตรวจคุณภาพข้าว และนายมนฑา หรือหิน โพธิ์เงิน หลบหนี ขณะนี้ทางตำรวจให้เวลาอีก 3 วัน หากนายบรรจง และนายมนฑา ยังไม่มามอบตัวสู้คดี จะติดตามจับกุมทันที เพราะถือว่าขัดหมายศาล นอกจากนี้ยังจะต้องตามข้าวที่หายไปอีก 3,000 กว่ากระสอบให้ได้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ