www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

บัญชีดำ"แก๊งโกงข้าว" ฟันขรก.-อคส.มีเอี่ยว


     นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตข้าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจสอบ ที่ไม่สามารถทำได้ละเอียดและบ่อยครั้ง เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่ของรัฐมีไม่เพียงพอต่อปริมาณข้าวในสต็อก แนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้น ได้สั่งให้ตรวจสอบข้าวในสต็อกของรัฐบาล ที่มีอยู่ประมาณ 3 ล้านตัน ที่ฝากเก็บในคลังกลาง 422 โกดังทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นข้าวที่มีการลงทะเบียนไว้รับฝากที่จะต้องมีครบถ้วน

ลุยเช็คสต็อกลั่นข้าวหายขึ้นบัญชีดำ

     ทั้งนี้ หากข้าวหายไปหรือขาดจำนวนไป ผู้รับฝากจะต้องมีคำตอบ เพราะการรับฝากข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำ ผู้รับฝากต้องรักษา หากหายไปไม่ว่าจะนำไปขายก่อน หรืออะไร ก็ถือเป็นการทุจริต กระทรวงจะขึ้นบัญชีดำ (Black List) ไม่ให้เข้าร่วมโครงการต่อไป

     "ยอมรับว่า ข้าวหายมีเป็นประจำทุกปี คนเอาข้าวไปเวียนเทียน เอาไปหาประโยชน์ก่อน มีเป็นประจำ ฉะนั้นการตรวจสอบจะต้องมีความเข้มข้นขึ้น และต้องถี่ขึ้น เป็นหน้าที่ของข้าราชการประจำที่จะต้องทำ โดยในการตรวจสอบถ้าพบว่าใครผิด ก็ต้องเล่นงานไปตามเนื้อผ้า" นายเกริกไกรกล่าว

     ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบปริมาณข้าว ในสต็อกรัฐบาลจำนวนกว่า 3 ล้านตันในคลังกลาง 422 โกดัง มีนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกำหนดตรวจสอบให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มทำการตรวจสอบตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการตรวจสอบปริมาณข้าวแบบปูพรมทั่วประเทศ และวันนี้ (11 ก.ย.) นายยรรยงจะประชุมกับเจ้าหน้าที่ เพื่อซักซ้อมการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

เสนอกขช.รับจำนำนาปีต่ออิงตลาด

     นายเกริกไกร กล่าวว่า สำหรับโครงการรับจำนำข้าวนาปี ที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังดูรายละเอียดต่างๆ เช่น ปริมาณผลผลิต สถานการณ์ด้านราคา ภาวะการค้าข้าว ก่อนที่จะกำหนดรายละเอียดของโครงการรับจำนำหากได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาต่อไป

     ในหลักการ คือ จะใช้การจำนำเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร โดยราคาที่รับจำนำจะสูงกว่าตลาดเล็กน้อย เพื่อให้กลไกตลาดทำงาน และทำให้ข้าวไหลเข้าสู่สต็อกรัฐน้อย ซึ่งจะเป็นหนทางและป้องกันปัญหาทุจริตข้าวหายจากโกดังรัฐได้ เพราะการตรวจสอบจะสามารถทำได้อย่างทั่วถึง

เมินเพรซิเดนท์ฯ ฟ้องลั่นเอาผิดขรก.-อคส.

     ส่วนกรณีที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ออกมาระบุว่า จะดำเนินการฟ้องร้องกระทรวงพาณิชย์ไม่อยากให้ความสำคัญ เพราะผู้ที่ทำสัญญาซื้อขาย-ข้าวและทำผิดสัญญา ไม่มารับมอบข้าว หรือทำสัญญารับข้าวไปปรับปรุง แล้วมีปัญหาข้าวที่รับไปปรับปรุงหาย

     "จะมาฟ้องร้อง จะฟ้องข้อหาอะไร มีพื้นฐานทางกฎหมายอะไรที่จะฟ้อง ใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย กรณีนี้ ก็รู้ๆ กันอยู่" นายเกริกไกรกล่าว

     นายเกริกไกร กล่าวถึง การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในส่วนอคส.และกรมการค้าต่างประเทศ ว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการประสานมาจากตำรวจว่า มีเจ้าหน้าที่กระทรวงกระทำผิด แต่อาจจะประสานไปยังผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ได้เน้นย้ำว่า ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและทำการทุจริตให้เกิดความเสียหาย ก็ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที

     รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ข้าวในสต็อกรัฐบาลที่นำออกมาประมูลล่าสุด 5.58 แสนตัน ขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการเสนอให้นายเกริกไกรพิจารณาอนุมัติขาย ซึ่งคาดว่าจะขายออกประมาณ 3 แสนตัน โดยข้าวที่ขายในประเทศขายได้ราคาตันละ 8,700 บาท ข้าวที่ขายเพื่อส่งออกต่างประเทศตันละ 8,900 บาท หลังจากอนุมัติขายแล้ว เป็นขั้นตอนที่จะต้องตรวจสอบว่า เป็นข้าวของเพรซิเดนท์ฯ ปริมาณเท่าใด เพื่อที่จะเรียกค่าส่วนต่าง และค่าปรับ ค่าผิดสัญญาอื่นๆ นอกจากนี้ จะมีการระบายข้าวอีกประมาณ 5 แสนตันในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม ก่อนที่ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมา

ยันทยอยระบายข้าวไม่กระทบตลาด

     นายเกริกไกร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานการเสนอราคาซื้อข้าวจากรัฐ 5.58 แสนตัน แต่ย้ำว่าการระบายข้าวของรัฐไม่ทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำ เพราะภาพรวมราคาจะขึ้นกับความต้องการตลาดต่างประเทศ ที่ขณะนี้ ยังมีความต้องการสูงอยู่ และข้าวในมือเกษตรกรหรือข้าวในท้องตลาดก็ไม่เหลือแล้ว จึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการประมูลข้าวสต็อกของรัฐ

     ทั้งนี้ เห็นว่าข้าวที่เหลือในสต็อกอีกกว่า 4 ล้านตัน จะสามารถระบายออกได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการตลาด เพราะการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 6-7 แสนตัน ช่วงเวลาอีก 2-3 เดือนจากนี้ จะทำให้สต็อกข้าวของรัฐอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมได้

     สำหรับข้าวที่ออกประมูลจำเป็นจะต้องเป็นข้าวที่บริษัทเพรซิเดนท์ ทิ้งสัญญาให้ออกประมูลก่อนหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นแต่รัฐพิจารณาหลายปัจจัย เช่น เรื่องคดีความ คุณภาพข้าว เพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้เหมาะสมที่สุด

     "ผมไม่วิตกปริมาณข้าวสารในสต็อกรัฐประมาณ 3-4 ล้านตัน และเปิดจำนำเพิ่ม เชื่อว่าก่อนรับจำนำรอบใหม่ น่าจะระบายข้าวเก่าได้พอควร โดยขณะนี้เป็นสัญญาณที่ควรระบายข้าว เนื่องจากข้าวในตลาดค่อนข้างน้อย ซึ่งไทยส่งออกข้าวเฉลี่ยเดือนละ 700,000 - 800,000 ตัน จึงคิดว่าภายใน 3 - 4 เดือน ความต้องการข้าวของภาคเอกชนเพื่อระบายไปตลาดต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 ล้านตัน และทำให้สต็อกข้าวรัฐบาลลดลง" นายเกริกไกร กล่าว

     ทั้งนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 8.5 ล้านตัน ซึ่งในปีนี้ราคาข้าวทะยานเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากผลผลิตข้าวของโลกลดลงจากภัยธรรมชาติ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมาเวียดนามเองถึงกับประกาศห้ามส่งออกเพราะเกรงว่าไม่มีข้าวเหลือพอสำหรับบริโภคในประเทศ ก่อนจะมาปล่อยโควตาในช่วงปลายปี และหากพิจารณาจากความต้องการของตลาดขณะนี้ยังคงสูงมาก โดยฟิลิปปินส์ อิหร่านต้องการนำเข้าเพิ่ม

อคส.เร่งตรวจสอบโกดังเสี่ยงน้ำท่วม

     นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ อคส.ไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาภัยน้ำท่วม เพื่อป้องกันข้าวเสียหาย โดยเฉพาะโกดังฝากเก็บข้าวที่มีความเสี่ยง จะต้องหาทางป้องกันน้ำท่วมไว้ก่อน เพราะหากเกิดน้ำท่วมจริงจะได้ป้องกันได้ทัน หรือหากไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม อาจจะเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต ที่จะมีการอ้างว่า ข้าวถูกน้ำท่วม และนำข้าวออกไปหาประโยชน์ ซึ่งจะต้องระวังให้ดี

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.