นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวภายหลังประชุมแผนการตลาดข้าวระหว่างสมาคมฯ กับนางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้ชี้แจงกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจากปัญหาเงินบาทแข็งค่าผู้ส่งออกข้าวกำลังขาดทุนจากการส่งออกข้าว จนมีผู้ส่งออกรายเล็กบางส่วนเลิกกิจการแล้ว
การส่งออกข้าวปีนี้ภาพรวมน่าจะลดลง โดยในสัปดาห์แรกของเดือนก.ค. การส่งออกข้าวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปี จึงเกรงว่าเป้าหมายส่งออกข้าวทั้งปี 2550 ตั้งไว้ 8.5 ล้านตัน หรือมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท เหลือเพียง 8 ล้านตัน เท่ากับไทยต้องสูญเสียรายได้ที่ควรได้จากส่งออกข้าวไป 20,000 ล้านบาท
การส่งออกข้าว 6 เดือนแรกของปี ส่งออกแล้วประมาณ 4 แสนตัน ที่เหลือต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 7.5 แสนตันจึงจะได้ตามเป้า ซึ่งสถานการณ์เงินบาทขณะนี้ทำให้การส่งออกปริมาณดังกล่าวเป็นไปได้ยาก แม้จะมีคำสั่งซื้อมากแต่การส่งออกจำนวนมากท่ามกลางเงินบาทผันผวน จะทำให้ยิ่งประสบปัญหาขาดทุน
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาอัตราค่าระวางเรือสูง จากความต้องการใช้เรือสินค้าของจีนในขณะนี้ ทำให้ต้นทุนส่งออกข้าวไทยสูงขึ้น โดยต้องนำต้นทุนส่วนนี้ไปบวกกับราคาข้าวทำให้ราคาสูงขึ้น และหากสูงมาก จะไม่สามารถส่งออกได้ โดยช่วงต้นปีราคาส่งออก (เอฟโอบี )ข้าวขาว 100% ขึ้นจากตันละ 315 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าวหอมมะลิขึ้นจากตันละ 510-520 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นตันละ 610-620 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้สมาคมฯ ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือด้านการลดต้นทุนผู้ส่งออก เช่น ปรับลดค่าตู้คอนเทนเนอร์ ที่การท่าเรือไทยเก็บตันละ 2,000 บาท ขณะที่เวียดนามเก็บ 100 บาท และเพื่อรักษาตลาดส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของไทย ได้เสนอให้รัฐบาลเดินหน้านำร่องขายข้าว โดยขณะนี้บังกลาเทศกำลังเปิดประมูลซื้อข้าว 4.5 แสนตัน ญี่ปุ่นกำลังซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทนข้าวจากสหรัฐที่เจอปัญหาข้าวจีเอ็มโอ จึงเป็นโอกาสดีของไทย
นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ตรวจสอบสถานการณ์ผลผลิต การส่งออกสินค้าเกษตร จากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมากในขณะนี้ว่า จะมีผลกระทบกับภาคการเกษตรหรือไม่ พบว่าในภาพรวมยังไม่กระทบกับภาคการเกษตรของไทย เนื่องจากความต้องการสินค้าเกษตรยังสูงกว่าปริมาณการผลิต
นอกจากนี้ค่าเงินที่แข็งขึ้นเป็นการแข็งค่าของเงินทั้งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นคู่แข่งในการส่งออกสินค้าเกษตรกับไทย ส่งผลให้แรงกดดันในการแข่งขันมีน้อย จึงมั่นใจว่าการขยายตัวของภาคการเกษตรในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้ อัตรา 4.5-5 %
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |