นายสมชาย เสตกรณุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (สภอ.ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวเหนียวว่า ราคาข้าวเหนียวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ปริมาณข้าวเหนียวในตลาดของภาคอีสานปัจจุบันมีอยู่น้อยมาก ทำให้ต้องมีการนำข้าวเหนียวจากแหล่งอื่นเข้ามาในภาคอีสานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความต้องการบริโภคยังมีสูง โดยปัจจุบันราคาข้าวเปลือกเหนียวอยู่ที่เกวียนละ 11,785 บาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงเกวียนละ 2,039 บาท

     สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ราคาข้าวเหนียวยังสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น เพราะขณะนี้ข้าวเหนียวในภาคอีสานค่อนข้างขาดตลาด เมื่อเทียบกับราคาข้าวหอมมะลิที่ถูกกว่าและยังทรงตัวอยู่ โดยมีราคาต่างกันอยู่ถึง 2,800 บาท ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ในขณะนี้ภาคอีสานจะต้องนำเข้าข้าวเหนียวนาปรังจากภาคเหนือตอนล่างเข้ามามากขึ้น รวมทั้งนำเข้าข้าวเหนียวจากเวียดนามและลาว ซึ่งมีราคาถูกกว่า ขณะเดียวกันที่ประเทศจีน ก็หันไปซื้อข้าวเหนียวจากเวียดนามและลาวมากขึ้น เนื่องจากราคาถูกกว่าข้าวเหนียวของไทยมาก

     นายสมชายกล่าวอีกว่า ราคาข้าวเหนียวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงดึงดูดให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวเหนียวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในปีการเพาะปลูก 2550/2551 ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวมากขึ้น โดยผลผลิตของปีการเพาะปลูกที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 4.5 ล้านตัน ดังนั้นจึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีการเพาะปลูกนี้ จำนวน 4.9 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ขณะที่ข้าวหอมมะลิ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกเดียวกันกับข้าวเหนียว ก็จะได้รับผลกระทบโดยการถูกลดพื้นที่ปลูก ทำให้ผลผลิตจากเดิม จำนวน 5.7 ล้านตัน จะลดลงในปีการเพาะปลูกนี้ เหลือ 5.4 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 4.9

     สำหรับปีการเพาะปลูกที่จะถึงนี้คือปีการเพาะปลูก 2550/2551 คาดว่าเกษตรกรจะหันไปปลูกข้าวเหนียวมากขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาข้าวเหนียวมีแนวโน้มลดลง ขณะเดียวกันก็จะมีผลกระทบกับพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ดังนั้นหากวางแผนการเพาะปลูกที่ผิดพลาด โดยการมอง เพียงด้านราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก อาจเกิดปัญหาด้านตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องมองปัญหาอย่างรอบคอบ

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ