นายวิทยา ฉายสุวรรณ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ข้าว ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมครั้งล่าสุด ได้พิจารณาปัญหาเร่งด่วนในการผลิตข้าว โดยเห็นว่าปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข คือ ปริมาณข้าวพันธุ์ดีไม่เพียงพอกับความต้องการของชาวนาที่มีสูงถึง 9 แสนตันต่อปี ขณะที่กรมการข้าวสามารถผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรได้เพียง 9.2 หมื่นตันหรือคิดเป็น 10% ของปริมาณความต้องการเท่านั้น

     คณะกรรมการจึงมอบหมายให้กรมไปดำเนินการขยายเครือข่ายศูนย์ข้าวชุมชน ในการผลิตและขยายพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรให้เป็นเครือข่ายข้าวพันธุ์ดี โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายให้จัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนเป็น 10,000 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวน 7,000 แห่งทั่วประเทศ

     ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรได้รวมตัวกันทำธุรกิจเป็นเครือข่าย พร้อมๆ กับขยายข้าวพันธุ์ดีสู่ชุมชน โดยกรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปยังศูนย์ข้าวชุมชนแต่ละแห่ง เพื่ออบรมและพัฒนาเกษตรกร สร้างองค์ความรู้ในเรื่องของการคัดพันธุ์ข้าว การเพาะปลูกและการตลาดอย่างครบวงจร ซึ่งจะทำให้ชาวนาไทยมีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

     “ที่ผ่านมาองค์ความรู้ในเรื่องข้าวมีมาก แต่ถ้าเสริมวิทยาการบางอย่างเข้าไปให้กับเกษตรกร เช่น การเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อใช้เพาะปลูก หรือการไม่เผาฟางหรือตอซัง สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้มีผลผลิตมากยิ่งขึ้น” นายวิทยา กล่าว

     นอกจากนี้คณะกรรมการยังเห็นว่า แรงงานในภาคการผลิตข้าว ในปัจจุบันมีน้อยมาก และกำลังจะเป็นปัญหามากขึ้นในอนาคต เพราะขณะนี้คนที่ทำนา ส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 50-60 ปี ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ หากหมดรุ่นนี้ไปแล้ว จะทำให้เป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต คณะกรรมการจึงมอบหมายให้กรมการข้าวไปจัดทำแผน เพื่อดึงแรงงานวัยทำงานในภาคอุตสาหกรรม หรือคนรุ่นใหม่ เพื่อกลับเข้ามาพัฒนาผืนนาของประเทศต่อไป

     “ปัญหาสำคัญที่ทำให้แรงงานรุ่นใหม่ไม่สนใจทำนา เกิดจากทัศนคติที่ไม่ดีต่ออาชีพทำนา ในขณะที่ประเทศไทยมีการส่งออกทำเงินจำนวนมาก แต่ชาวนาของประเทศยังยากจนอยู่ อาชีพทำนาจึงเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่" นายวิทยา กล่าว

     อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการทำนาสามารถสร้างฐานะที่ดีขึ้นได้ กรมต้องการปรับทัศนคติส่วนนี้ เพราะถ้าเกษตรกรรู้จักเพาะปลูกด้วยข้าวพันธุ์ดี มีหลักการในการผลิต ลดต้นทุนการผลิต ด้วยการใช้ปุ๋ยหรือปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม และสามารถเพาะปลูกข้าวที่ตรงตามความต้องการของตลาด ก็จะสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ