นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากทหารภาค 3 จัดส่งทหารมาประจำคลังสินค้า หรือโกดังเก็บข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐ ในพื้นที่เสี่ยงและมีอิทธิพล ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทุจริต หรือลักลอบนำข้าวในโกดังไปเวียนเทียนขาย หรือข้าวสูญหาย จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ
ขณะนี้ได้จัดส่งทหารมาประจำแล้วที่ จ.นครสวรรค์ และ จ.พิจิตร รวม 10 จุด เป็นพื้นที่เก็บสต๊อกข้าวรัฐบาลรวม 10 ล้านกระสอบ หรือ 1 ล้านตัน จากสต๊อกข้าวรวมทั้งประเทศประมาณ 4 ล้านตัน
“ก่อนหน้านี้ อคส.ได้ตรวจเช็กปริมาณข้าวค้างสต๊อกทั่วประเทศ บางพื้นที่พบข้าวหาย และดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบซ้ำอีก ก็ยังเจอปัญหาข้าวหายอีก จึงขอกำลังทหารเข้ามาดูแล 24 ชั่วโมง นาน 2 เดือน หรือจนกว่าจะระบายข้าวในโกดังหมด”
ในส่วนการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. วันที่ 17 ส.ค. จะนำเสนอและขอความเห็นชอบต่อยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ อคส. ที่มุ่งเป็นองค์กรด้านบริการโลจิสติกส์ ในแผนต้องของบประมาณลงทุนด้านสถานที่ และการบริหารงานเบื้องต้น ไม่น้อยกว่า 1 พัน ล้านบาท แต่จะยังไม่พิจารณากรณีที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ไม่มารับมอบข้าว 7 แสนตัน ซึ่งสัญญาฉบับสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 17 ส.ค.
นายพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเพรซิเดนท์เป็นผู้กระทำผิด จนกว่ารัฐจะนำข้าวที่เพรซิเดนท์ไม่ได้รับมอบออกมาประมูลใหม่ และเรียกเก็บเงินส่วนต่างราคาที่หายไปจากเพรซิเดนท์ รวมทั้งยึดเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวที่เพรซิเดนท์ซื้อจาก อคส.
กรณีดังกล่าวถือเป็นคดีแพ่งที่เรียกค่าเสียหายเท่านั้น ไม่เป็นคดีอาญา และในสัปดาห์หน้า คาดว่าคณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร ที่มีนางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน จะเรียกประชุมนัดแรก เพื่อกำหนดแนวทาง และพิจารณาระบายข้าวในสต๊อกรัฐ 4 ล้านตัน รวมถึงข้าว 7 แสนตันของเพรซิเดนท์ด้วย
แหล่งข่าวจากกรรมการ อคส. กล่าวว่า บอร์ด อคส.กำลังพิจารณารายละเอียดของสัญญารับมอบข้าวแต่ละฉบับว่า มีสัญญา ฉบับใดที่เพรซิเดนท์ทำผิด และอยู่นอกเหนือกำหนดสัญญาที่ อคส.จะใช้อำนาจจัดการได้
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|