นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงนโยบายการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิตปี 2550/2551 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย.นี้ กับผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องส่วนภูมิภาค ว่าให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และให้ยึดแนวทางปฏิบัติ คือ
1.เตรียมพร้อมที่จะให้บริการออกใบรับรองแก่เกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำนำข้าวเปลือกได้ทันที เมื่อเปิดรับจำนำในวันแรก
2.ให้อำนวยความสะดวกการออกใบรับรองให้เกษตรกร โดยกำหนดสถานที่ออกใบรับรองให้ชัดเจน
3.ให้ตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่มาแจ้งให้เป็นจริงมากที่สุด โดยให้ยึดถือกระบวนการตรวจสอบที่ส่วนกลาง
4 ให้เจ้าหน้าที่ศึกษากรอบการทำงานและประสาน กับหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการอย่างใกล้ชิด
5.ให้ส่งเสริมและแนะนำเกษตรกรให้ปรับปรุงคุณภาพข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวไว้ เพื่อจำนำได้ราคาสูง
6.ให้รับฟังข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นธรรมจากเกษตรกร
7.ให้ข้อมูลความรู้และข้อมูลแก่เกษตรกรป้องกันถูกหลอกลวงร่วมการทำทุจริต และ
8.หากมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ให้นำเสนอคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดพิจารณา
”การรับจำนำข้าวปีนี้ มีความพร้อมมากกว่าปีก่อน เพราะจำนวนโรงสีที่มีปัญหาไม่ค่อยมี จากเดิมที่มีโรงสีมีปัญหาติดมาจากโครงการรับจำนำปีก่อน" นายเกริกไกร กล่าว
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สามารถกำหนดระบบความซื่อสัตย์ ลดปัญหาการรั่วไหล ทำให้ระบบการรับจำนำข้าวเปลือกมีความสะอาด ระบบเข้มแข็ง กลไกตลาดทำงานเต็มที่ ปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีและนาปรัง เกษตรกรนำข้าวมาจำนำในโครงการค่อนข้างน้อย แต่สามารถขายในตลาดราคาดี
ปีนี้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องติดโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณที่สามารถบันทึกภาพกิจกรรมรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรให้ชัดเจนตลอดระยะเวลาโครงการ แต่หากโรงสีและโกดังกลางที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำมีปัญหา สามารถขอผ่อนผันกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้
นายเกริกไกร กล่าวว่า หลักเกณฑ์การรับจำนำปีนี้ได้เพิ่ม หนังสือค้ำประกันธนาคารที่ต้องมาวางประกันกับ อคส.ในวงเงิน 70% ของมูลค่าข้าว เพื่อการันตีว่าโรงสีที่เข้าร่วมโครงการมีสภาพคล่องดี รวมทั้งโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีคอมพิวเตอร์ เพื่อบันทึกข้อมูล และรายงานข้อมูลการรับจำนำข้าวเปลือกออนไลน์มายังกรมการค้าภายใน และ อคส.ทุกวัน ซึ่งมาตรการควบคุมเหล่านี้ เป็นการป้องกันปัญหาการทุจริตการเวียนเทียนข้าว
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กรมการค้าภายใน และ อคส. เฝ้าติดตามตรวจสอบโรงสีใดที่เคยเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ และมีพฤติกรรมทุจริต ก็จะไม่ให้เข้าร่วมโครงการ ส่วนโรงสีใดมีความผิดพลาดเล็กน้อย ก็จะพิจารณาพฤติกรรม หากเห็นว่าเป็นความผิดไม่ร้ายแรง ก็จะเปิดโอกาสให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำ
สำหรับแผนการระบายข้าวขณะนี้ยังไม่มี โดยจะพิจารณาระบายข้าวตามความเหมาะสมของตลาดและภาวะเศรษฐกิจ ส่วนการเจรจาขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มีหลายประเทศเข้ามาติดต่อ แต่ยังติดปัญหาว่าข้าวราคาแพง หลายรายจึงหันไปเจรจากับเอกชน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|