นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวของไทยหลายรายผิดสัญญาส่งมอบข้าวให้ผู้นำเข้าต่างประเทศ เพราะเรือบรรทุกสินค้าแบบเทกองขาดแคลนอย่างหนัก โดยความต้องการใช้ของประเทศจีนสูงมาก จากการนำไปบรรทุกวัสดุก่อสร้างเพื่อสร้างสนามกีฬา และสาธารณูปโภครองรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 จึงทำให้ผู้ส่งออกบางรายยอมจ่ายเงินแพงขึ้นอีก 10-15% เพื่อใช้บริการเรือขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์แทน
ในปีนี้แม้จะเป็นปีของการส่งออกข้าวไทย เพราะผู้ผลิตอื่นๆ ผลผลิตลดลง แต่ไทยอาจจะไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่ เพราะต้นทุนสูงขึ้นมากหลายเท่าตัว ทั้งจากค่าเงินบาทแข็งค่าเกือบ 20% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ค่าระวางเรือสูงขึ้นมากจากภาวะขาดแคลน เช่น กรุงเทพฯ-ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 33 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากเดิม 21-22 ดอลลาร์ กรุงเทพฯ-แอฟริกา 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 70 ดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งบริษัทเรือยังปรับขึ้นค่าน้ำมัน (เซอร์วิสชาร์จ) อีกประมาณ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งถือว่าสูงมาก จึงอาจทำให้มูลค่าการส่งออกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,600 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณส่งออก 8.5 ล้านตัน
“ จากภาวะเรือขาดแคลน ทำให้ผู้ส่งออกไทยส่งมอบข้าวล่าช้ามาก อย่างกรณีของอินโดนีเซีย ที่ต้องการข้าวจำนวนมาก เราก็ยังส่งมอบให้ไม่ทัน ซึ่งเขาก็โวยเรามาก แต่ผู้ส่งออกก็คุยกับผู้นำเข้าแล้วว่าเรามีปัญหาอย่างไร ซึ่งเขาก็เข้าใจ เพราะเป็นความขาดแคลนเรือที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะกับผู้ส่งออกไทยเท่านั้น คาดว่า ปัญหาเรือขาดแคลนจะคลี่คลายลงภายในปีนี้ หรืออาจจะต้นปีหน้า” นายชูเกียรติ กล่าว
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ จะนำคณะเดินทางไปหารือกับประธานองค์กรสำรองอาหารแห่งชาติอินโดนีเซีย หรือ BULOG เพื่อแสดงความยินดีต่อประธานคนใหม่และหารือการขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลอินโดนีเซีย ( จีทูจี) จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าอินโดนีเซียยังมีความต้องการซื้อข้าวอีกหลายแสนตัน
"BULOG รับมอบข้าวที่ซื้อไปแล้ว 1 ล็อต 1.75 แสนตันไม่มีปัญหา ตอนนี้มีการเปลี่ยนประธานคนใหม่ก็เป็นโอกาสดีที่จะเข้าไปแสดงความยินดีและจะหารือเรื่องการซื้อขายข้าวอีก เพราะอินโดนีเซียยังมีความต้องการข้าวอีกหลายแสนตัน หากการเจรจาประสบความสำเร็จมั่นใจว่า การส่งออกข้าวจีทูจีจะเป็นไปตามเป้าหมาย 1 ล้านตันแน่นอน" นางอภิรดี กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |