นายวิธาน เหล่าษมาภรณ์ ค้าภายในจังหวัดขอนแก่น ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้ดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 50/51 กำหนดปริมาณรับจำนำรวม 8 ล้านตันระยะเวลารับจำนำระหว่างวันที่ 1 พ.ย.2550-29 มี.ค.2551 โดยในปีนี้ข้าวเปลือกเหนียว ไม่มีการกำหนดราคารับจำนำ เนื่องจากราคาในขณะนั้นยังสูงอยู่ แต่ภายหลังจากที่ข้าวเปลือกนาปีเริ่มออกสู่ตลาด พบว่าราคาข้าวเปลือกเหนียว ปรับตัวลดลงอย่างมาก

     สำหรับในฤดูกาลการผลิตปี 50/51 จังหวัดขอนแก่น จากการประเมินสถานการณ์ข้าวเหนียว ของสำนักงานเกษตรจังหวัด พบว่ามีพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวทั้งสิ้น 2.01 ล้านไร่ พื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน 9% โดยมีผลผลิตเฉลี่ย 418 กิโลกรัมต่อไร่ คาดว่าปีนี้จะผลผลิตข้าวเหนียวราว 8.2 แสนตัน โดยข้าวประมาณ 4 แสนตัน จะออกสู่ตลาดทั้งจำหน่ายกับทางโรงสี และ เข้าร่วมโครงการรับจำนำ ส่วนที่เหลือจะเป็นการบริโภค ใช้เลี้ยงสัตว์ และ เป็นเมล็ดพันธุ์ในปีต่อไป

     “สถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาดข้าวเปลือกเหนียวช่วง 2 ปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงมาก จากเดิมราคาเฉลี่ย 7 พันบาทต่อตัน แต่กลางปี 2549 ราคาเริ่มขยับขึ้นมาเป็น 8.8 พันบาทและปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็นลำดับจนกระทั่งเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาทต่อตัน ทำให้คณะกรรมการนโยบายข้าวไม่ได้กำหนดราคารับจำนำ แต่ในช่วงต้นเดือนนี้ กลับพบว่าราคาข้าวเหนียวกลับผกผัน ร่วงลงมาเหลือเพียง 7-8 พันบาทต่อตัน และคาดการณ์ว่า ราคาข้าวเปลือกเหนียว น่าจะร่วงลงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นจำนวนมาก”

     อย่างไรก็ตาม หากในช่วงต้นเดือน ธ.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก หากทางโรงสี หรือพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อ จนทำให้ข้าวเปลือกเหนียวร่วงลงมาอยู่ที่ตันละ 5.5-6 พันบาทนั้น เกษตรกรอาจจะร้องเรียนและรวมตัวเคลื่อนไหวเพื่อให้มีรัฐกำหนดราคารับจำนำ

     นายประโยชน์ เรืองสุขอุดม กรรมการผู้จัดการโรงสี ป.ณัฐตพล ตัวแทนชมรมโรงสีข้าว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจังหวัดขอนแก่นส่งออกข้าวเหนียว ไปยังประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาข้าวพุ่งสูงเฉลี่ยตันละ 1.2-1.3 หมื่นบาท ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวเหนียวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากเดิมพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวมีเพียง 20-30% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด กลายเป็น 80% ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิเหลือเพียง 20% เท่านั้น

     "ล่าสุดประเทศจีนได้ชะลอการสั่งซื้อข้าวเหนียวจากไทย ซึ่งเกรงว่า เมื่อปริมาณข้าวเหนียวในประเทศล้นตลาด ราคาจะร่วงลงหนัก ดังนั้นภาครัฐน่าจะมีมาตรการด้านราคา ด้วยการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกเหนียวไว้ก่อน เพื่อสกัดราคาไม่ให้ต่ำลงกว่านี้" นายประโยชน์ กล่าว

     ด้านนายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในปีนี้มีโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 5 ราย แต่คาดการณ์ว่าเกษตรกรจะเข้าร่วมโครงการน้อย เนื่องจากราคาข้าวหอมมะลิในท้องตลาดปัจจุบันตันละ 9,700 บาท ขณะที่ราคารับจำนำสูงสุดตันละ 9,300 บาท แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ข้าวเปลือกเหนียวในปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

     "ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ระดับจังหวัดจะรายงานถึงสถานการณ์ด้านผลผลิต และราคาเพื่อให้ กขช. ได้รับทราบ และเพื่อกำหนดราคารับจำนำต่อไป" นายทรงพล กล่าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ