นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบคลังกลางเก็บข้าวสารจำนวน 391 โกดัง ปริมาณข้าวสาร 45,603,210 กระสอบ ระหว่างวันที่ 12-19 ก.ย.2550 พบว่ามีข้าวอยู่ครบถ้วน ไม่พบเหตุผิดปกติ แต่จะมีการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งในเดือนต.ค.นี้ เน้นพื้นที่โซนเอภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ที่มีปริมาณข้าวสูงสุด โดยจะตรวจสอบละเอียดมากขึ้น ทั้งปริมาณและคุณภาพข้าว

     ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบ 391 คลังนั้น คลังที่ตรวจนับปริมาณครบถ้วน 354 คลัง ปริมาณข้าวสาร 40,414,354 กระสอบ คิดเป็น 88.62% คลังที่รมยาไม่สามารถตรวจนับได้ 22 คลัง ปริมาณข้าวสาร 3,264,055 กระสอบคิดเป็น 7.16% และคลังที่มีกองล้มจำนวน 15 คลัง สามารถตรวจนับข้าวสารได้ 923,661 กระสอบ คิดเป็น 2.02% และไม่สามารถตรวจนับได้ 1,001,140 กระสอบ คิดเป็น 2.20% โดยมีกองล้ม 45 กอง จากจำนวนกองข้าวสารทั้งหมด 3,005 กอง

     ส่วนข้าวสารที่ขาดหายจากคลังบริษัท ราชาการเกษตรไรซ์มิล จำกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดเป็นของกลางจากโรงสีธัญญาเรือง และให้องค์การคลังสินค้า ( อคส.) ขนย้าย ซึ่ง อคส.ได้ขนย้ายไปเก็บที่คลัง หจก.ไพทองรุ่งเรืองกิจ จ.นครสวรรค์

     ผลปรากฏว่ามีข้าวสารรวมทั้งสิ้น 3,921 กระสอบจัมโบ้ (บรรจุ 850-900 กิโลกรัม) และ 340 ถุงพีพี. (บรรจุ 50 กิโลกรัม) เป็นน้ำหนักข้าวสารรวมประมาณ 3,878,821 ตัน แยกเป็นข้าวขาว 5% สภาพดี จำนวนประมาณ 3,002 กระสอบจัมโบ้ และ 340 ถุง พีพี. ข้าวขาว 5% สภาพเหลือง ประมาณ 589 กระสอบจัมโบ้ ข้าวหักปริมาณ 310 กระสอบจัมโบ้ และข้าวหอมจังหวัดปริมาณ 20 กระสอบจัมโบ้

     นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว ได้มีมาตรการป้องกันข้าวหาย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ อคส.ห้ามออกนอกพื้นที่ตลอด 7 วัน และห้ามให้ลูกจ้างดูแลคลังข้าว และปรับให้แต่ละคนดูแลคลังน้อยลง เพื่อให้ดูแลได้ทั่วถึง

     ส่วนพื้นที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้ขอกำลังทหารให้เข้ามาช่วยดูแล จัดการเจาะโกดัง เพื่อให้ส่องดูข้าวได้ และจัดลำดับการประสานงานในพื้นที่ เพราะหากมีปัญหาจะได้แก้ไขได้รวดเร็วขึ้น

     ภายในสัปดาห์หน้า จะเปิดประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาลอีก 5 แสนตัน แยกเป็นข้าวหอมมะลิ 1.7 แสนตัน และข้าวขาว 3.3 แสนตัน

     ส่วนการเรียกค่าส่วนต่างจากบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด นั้น ขณะนี้ อคส. กำลังตรวจสอบส่วนต่าง หลังจากทำสัญญากับผู้ซื้อข้าวรายใหม่ หากชัดเจนแล้ว ก็จะแจ้งไปยังเพรซิเดนท์ฯ เพื่อให้จ่ายส่วนต่าง แต่หากไม่จ่าย ก็จะยื่นโนติส และฟ้องศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อไป

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ