ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ราคาข้าวเหนียวในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมามีการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีนจำนวนมาก โดยราคาปัจจุบันเฉลี่ยตันละ 13,000 บาท ขณะที่ความต้องการบริโภคในประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณข้าวในตลาดลดน้อยลง ส่วนราคาขายปลีกข้าวสารข้าวเหนียว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28 - 30 บาท โดยสภาพการณ์ดังกล่าว ทำให้มีการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียวจากประเทศเวียดนามมาจำหน่ายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกกว่า โดยข้าวสารเหนียวเวียดนามตกราคาเฉลี่ย 19 บาท/กิโลกรัม
ล่าสุดจำกุมได้แล้วกว่า 1 พันตัน
นายโชติพงษ์ ดิษเจริญ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร กล่าวว่า หลังจากที่ข้าวเหนียวในประเทศเริ่มขาดแคลน และราคาพุ่งสูง ทำให้ชาวบ้านมีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายให้กับพ่อค้ารายย่อยและรายใหญ่มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการที่เข้าไปพัวพันกับการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียวจากประเทศเวียดนาม เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากสามารถทำกำไรได้อย่างงาม
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรมุกดาหาร ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ตำรวจน้ำ ตชด. ได้เฝ้าระวังและจับกุมผู้ลักลอบนำเข้ารายย่อยเกือบทุกวัน ขณะเดียวกันสืบทราบว่าบริเวณเขตรอยต่อนครพนม-มุกดาหาร มีเอกชนรายใหญ่ เป็นผู้รับซื้อและนำข้าวเปลือกเหนียว และข้าวสารเหนียวจากเวียดนาม ไปเก็บไว้ในโกดัง ก่อนจะทยอยนำข้าวเหนียวเวียดนามส่งป้อนโรงงานผลิตแป้งข้าวเหนียวอีกด้วย
"ที่ผ่านมาเราได้มีการจับกุมมาอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัน ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ตรวจยึดข้าวสารเหนียวจากเวียดนามได้มากถึง 100 ตัน แต่ก็ทำได้เพียงโทษปรับและยึดของกลาง จากนั้นก็จะนำไปขายทอดตลาดหรือไม่ก็ทำลาย ส่วนโทษของพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อจากชาวบ้าน เป็นเพียงผู้รับซื้อของหนีภาษี ทางเจ้าหน้าที่ด่านก็จะขึ้นบัญชีดำ ยึดรถของกลาง แต่ไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ เพราะกฎหมายของไทยเปิดช่องไว้ จึงสามารถดำเนินคดีได้ในข้อหาฉ้อภาษีเท่านั้น” นายโชติพงษ์ กล่าว
สำหรับมาตรการการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ยอมรับว่าทำได้ยากเนื่องจากบางหน่วยงานไม่จริงจัง ขณะเดียวกันพื้นที่รับผิดชอบตามลำแม่น้ำโขง มีระยะทางยาว หากจะปิดกั้นห้ามลักลอบนำเข้าคงเป็นไปไม่ได้ จึงทำได้แค่การปรามเท่านั้น
เสนอ ก.พาณิชย์ยกเลิกสินค้าควบคุม
นายด่านศุลกากรมุกดาหาร กล่าวอีกว่า ข้าวเหนียวจากเวียดนามคุณภาพต่ำกว่าข้าวเหนียวไทย จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะตีตลาดข้าวในประเทศ ยกเว้นนำเข้ามาเพื่อป้อนโรงงานผลิตแป้งมัน ซึ่งก็เป็นเพียงตลาดส่วนน้อย ดังนั้นจึงอยากเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ ให้มีการปลดล็อกสินค้าควบคุมทั้ง 262 ชนิด รวมทั้งข้าว เพราะเมื่อประเทศเพื่อนบ้านส่งสินค้าดังกล่าวมาจำหน่ายในประเทศก็จะมีรายได้ และจะเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในประเทศไทย ส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
"กฎหมายกำหนดไว้ว่า หากจะนำสินค้าควบคุมทั้ง 262 ชนิด เข้ามาในประเทศได้ ต้องขออนุญาต แต่ความจริงที่ผ่านมาพบว่าไม่มีการขออนุญาตนำเข้ามายังไทยแต่อย่างใด ดังนั้นหากปลดล็อกสินค้าควบคุม เชื่อว่าน่าจะทำให้การลักลอบนำเข้าหมดไป ส่วนที่เกรงว่าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเข้ามาตีตลาดในประเทศนั้น หากเป็นการบริโภคคงไม่กระทบ เพราะคุณภาพข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านด้อยกว่าข้าวไทยมาก” นายโชติพงษ์ กล่าว
โรงสีเผยนำเข้ามาผสมข้าวไทยขาย
ด้านนายเสวียน โสมอินทร์ กรรมการหอการค้าจังหวัดอำนาจเจริญ และผู้จัดการ หจก.เพิ่มพูนค้าข้าว กล่าวว่า ที่ผ่านมาข้าวจากประเทศเวียดนามจำหน่ายได้ดีมาก เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าข้าวไทย แต่ช่วงหลังผู้บริโภครับรู้ว่าคุณภาพต่ำกว่าข้าวไทย เนื่องจากเมื่อหุงแล้วข้าวจะแข็งมาก ทำให้พ่อค้าหรือโรงสีที่รับซื้อข้าวเวียดนามไว้ ต้องเริ่มลดราคาลงโดยขายกระสอบละ 1,000 บาท จากที่ซื้อเข้าโกดังในราคา 950 บาท ขณะที่พ่อค้ารายย่อยนำเอาข้าวเหนียวไทยไปผสมจึงขายออก
"ที่ผ่านมาชาวนาทำข้าวเหนียวน้อย แต่มีความต้องการบริโภคสูง ข้าวไม่พอขาย ทำให้ต้องมีการลักลอบนำเข้าข้าวจากต่างประเทศลักลอบเข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามกระแสการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียวจากเวียดนาม เป็นปัญหาหนึ่งที่หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดตามแนวชายแดน จะต้องรีบแก้ไขและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบว่า ข้าวที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นข้าวที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย"
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|