แหล่งข่าวในวงการค้าข้าวเปิดเผยว่าขณะนี้ผู้คนในวงการข้าวไม่ว่าจะเป็นโรงสีหรือผู้ส่งออกต้องกุมขมับไปตามๆ กัน เมื่อข้าวหอมมะลิ มีการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างรุนแรง ขยับราคาสูงขึ้นทุกวัน สาเหตุมาจากปีนี้ผลผลิตลดลงเพราะเกษตรกรนำพื้นที่ส่วนหนึ่งไปปลูกข้าวเหนียว เนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาข้าวเหนียวพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนส่งผลให้ผลผลิตหอมมะลิในปีนี้ลดลงไปมาก
"ไม่คาดคิดว่าราคาข้าวหอมมะลิจะขึ้นเร็วขนาดนี้ ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม) ราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 9,200-9,300 บาท ราคาเสนอขายต่างประเทศอยู่ที่ตันละ 580-600 ดอลลาร์สหรัฐ (19,488-20,160 บาท คำนวณที่ 33.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) แต่วันนี้ขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 10,400-10,500 บาท ซึ่งจะต้องขายที่ตันละ 620-650 ดอลลาร์สหรัฐ (20,832-21,840) จึงจะอยู่ได้ แต่ราคาที่เสนอไปทำให้ขาดทุนตันละ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ (1,344-1,680 บาท)"
ขณะเดียวกันยังมีความกังวลกันอยู่ว่าราคาที่เสนอขายให้กับลูกค้าในช่วงนี้ตันละ 620-650 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รู้ว่าจะส่งผลให้ราคาภายในจะขยับขึ้นไปอีกเท่าใดคาดการณ์กันได้ลำบากมาก เนื่องจากราคาภายในขยับขึ้นเร็ว ส่วนโรงสีก็ประสบปัญหาขาดทุนเพราะเสนอขายให้กับผู้ส่งออกล่วงหน้าเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ไม่เพียงผู้ส่งออกจะขาดทุนจากภาวะราคาข้าวที่ขยับสูงขึ้น แต่ยังต้องรับภาวะความเสี่ยงและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ผู้ส่งออกมีคำสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ เป็นจำนวนมากพอสมควร แต่เวลาเสนอราคาต้องเสนอ ณ ราคาข้าวเปลือกปัจจุบัน เพราะหากเสนอแพงกว่าลูกค้าจะไม่รับ ผู้ส่งออกจึงมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน หากราคาภายในขยับสูงขึ้น สำหรับลูกค้ามีทั้งรายเดิมเช่นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และรายใหม่ อาทิ แอฟริกา เป็นต้น เพราะภูมิภาคนี้มีเศรษฐกิจดีขึ้น จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูง ประกอบกับมีคนจีนเข้าไปอาศัยอยู่มากขึ้น
ด้านนายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ กรรมการบริหารบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การค้าและส่งออกข้าวเหนียวว่า จากปีที่ผ่านมาที่มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนเข้ามากว้านซื้อจำนวนมากจนข้าวเหนียวขาดตลาด กระทั่งมีลูกค้าเสนอซื้อสูงถึงตันละ 750-760 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาทตันละ 25,000 กว่าบาท ยังไม่มีของให้ลูกค้า แต่หลังจากเริ่มเข้าสู่ต้นฤดูเก็บเกี่ยวปี 2550/51 หรือราวเดือนตุลาคม เป็นต้นมา ซึ่งผู้ซื้อมีข้อมูลว่าประเทศไทยผลผลิตข้าวเหนียวปีนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากชาวนาแห่ปลูกเพราะเห็นราคาดีจึงชะลอซื้อจนทำให้ราคาตกต่ำ
เขากล่าวว่าขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของลูกค้าจากจีนติดต่อสั่งซื้อข้าวเหนียวอีก คาดว่าเขายังมีความต้องการ แต่คงไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านมาเพราะลูกค้าทราบว่าประเทศไทยมีสินค้ามาก เพราะฉะนั้นราคาข้าวเหนียวปีนี้โอกาสที่จะขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความต้องการของลูกค้ายังมีอยู่
แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าผลผลิตข้าวเหนียวของไทยฤดูการผลิตนาปรังปี 2550 รวมกับนาปี 2550/51 มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 1.3 ล้านตัน เพราะฉะนั้นกระทรวงเกษตรฯจึงได้แจ้งเตือนเกษตรกรฤดูการทำนาปรังปี 2551 ชาวนาควรลดพื้นที่ปลูกนาปรังลง เพราะจะมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ เพราะลูกค้าต่างประเทศไม่ได้สั่งซื้อจำนวนมากเหมือนในอดีต
"เท่าที่ติดตามลูกค้าจีนเข้ามาสั่งซื้อข้าวเหนียวจากไทยเพื่อเป็นวัตถุดิบแปรรูปอาหารรองรับงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่จีนจะเป็นเจ้าภาพปีหน้า แต่เวลานี้สต๊อกมีเพียงพอหากจะนำเข้าเพิ่มคงไม่มาก ขณะที่ข้าวหอมมะลิกลับขาดแคลน เพราะพื้นที่ปลูกหอมมะลิจำนวนหนึ่งถูกนำไปปลูกข้าวเหนียว แต่ข้าวหอมมะลิยังมีอนาคตที่ดีกว่า"
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
|