นายปราโมทย์ นนทะโคตร ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่าการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลปี 2550/2551 ภายหลังจากที่รัฐบาลกำหนดปริมาณรับจำนำข้าวในปีนี้ 8 ล้านตัน ใช้งบประมาณรับจำนำ 20,000 ล้านบาท ในปีนี้ ธ.ก.ส.เปิดรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ 9,000-9,200 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 6,300-6,400 บาทต่อตัน ข้าวหอมปทุมธานี 6,500 บาทต่อตัน หรือเฉลี่ยปรับเพิ่มราคารับจำนำจากปีก่อนประมาณ 300 บาทต่อตัน
ธ.ก.ส.จะเริ่มเปิดประมูลดังกล่าวในวันที่ 1 พ.ย. 2550 ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จะรับผิดชอบรับจำนำผ่านยุ้งฉางเกษตรกรในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณทั้งหมด โดยในปีที่ผ่านมารับจำนำผ่านยุ้งฉาง 600,000 ตัน
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า จากการรับจำนำข้าวเปลือกทุกปี อาจกระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. โดยเฉพาะภาระหนี้ในปี 2548/2549 สูงถึง 40,000 ล้านบาท แต่ลดลงในปี 2549/2550 รับจำนำ 13,000 ล้านบาท ซึ่งภาระเงินช่วยเหลือในปี 2548 รัฐบาลยังชดเชยคืนให้ไม่หมด ทำให้การรับจำนำข้าวเปลือกปีนี้ได้ทำเรื่องเสนอรัฐบาลให้พิจารณา ด้วยการไม่ให้เปิดราคารับจำนำเบี่ยงเบนตลาด
รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลนำเงินมาช่วยเหลือ ธ.ก.ส.จากแหล่งต่างๆ ร้อยละ 50 ของวงเงินที่ต้องรับจำนำทั้งหมด และรัฐบาลควรทำการเคลียร์ภาระหนี้คืนให้ ธ.ก.ส.ภายใน 2 ปี เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะมากนัก ดังนั้น จึงเตรียมนำเรื่องเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
ความเป็นห่วงว่าภายหลังจากที่รัฐบาลเข้มงวดเกี่ยวกับโรงสีข้าว ในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากปัญหาข้าวหายไปจากโกดัง นายปราโมทย์ เชื่อมั่นว่ายังมีโรงสีอีกจำนวนมากที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนที่มีปัญหาก็เพียงไม่กี่ราย และจำนวนยุ้งของ ธ.ก.ส.ที่รับจำนำผ่านยุ้งของชาวบ้านน่าจะเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.จะนำปัญหาของปีก่อนมาเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงการรับจำนำในปีนี้ โดยเฉพาะสภาพยุ้งฉางของชาวบ้านต้องปรับให้มีช่องเปิดระบายอากาศ เพื่อให้ความชื้นลดลง แต่ช่วงนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวเริ่มดีขึ้น ทำให้เกษตรกรไม่นิยมนำข้าวเปลือกเหนียวมารับจำนำ เพราะนำไปขายในตลาดที่ให้ราคาสูงกว่า
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|