แหล่งข่าวในวงการโรงสีข้าว เปิดเผยว่าจากการที่กระทรวงพาณิชย์มีโครงการที่จะระบายข้าวสารในสต๊อกในช่วงนี้หรือก่อนสิ้นปีนี้ โดยจะมีการเชิญผู้ส่งออกไปหารือในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน ศกนี้ ผู้ประกอบการโรงสีข้าวซึ่งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดและมีความใกล้ชิดกับชาวนามากที่สุดเห็นว่ายังไม่ควรที่จะมีการระบายข้าวสารในสต๊อกออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ชาวนาอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกและทยอยขายให้กับโรงสี ซึ่งทางโรงสีสามารถรับซื้อได้ราคาค่อนข้างสูง เช่นข้าวเปลือกแห้ง5% และข้าวเปลือกแห้ง 100% ที่ความชื้น 15% สามารถรับซื้อได้สูงถึงตันละ 7,000-7,200 บาท สูงกว่าราคารับจำนำที่รัฐบาลตั้งไว้ตันละ 6,600-6,700 บาท
"การซื้อขายข้าวระหว่างโรงสีกับชาวนา ณ ขณะนี้ เป็นการซื้อขายกันด้วยเงินสด เมื่อชาวนานำข้าวมาขายโรงสีพร้อมจะจ่ายเงินสดให้ทันที ทั้งราคายังสูงกว่าราคารับจำนำเสียอีก และต่างฝ่ายต่างมีความพอใจ หลายจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดลงมากำกับการซื้อขายด้วยเงินสดอย่างใกล้ชิดเพราะต้องการให้ชาวนาได้ค่าข้าวเปลือกราคาสูงและรับเป็นเงินสดทันที ทั้งป้องกันไม่ให้โรงสีโกงชาวนาด้วย เนื่องจากนโยบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้โรงสีหลายแห่งประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน และหากมีการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลออกมาในช่วงนี้ ราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดตกต่ำก็ต้องกลับไปสู่ระบบการจำนำซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งต่อรัฐบาลและเกษตรกร ที่สำคัญภายในระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระบายข้าวสารออกจากสต๊อกแล้วมากกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งข้าวจำนวนนี้ผู้ส่งออกที่ประมูลได้ยังรับข้าวออกไปไม่ถึงครึ่ง"แหล่งข่าวกล่าวและว่า
เท่าที่ทราบมีผู้ส่งออก 4-5 ราย เป็นผู้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาระบายข้าวสารออกจากสต๊อก เพราะผู้ส่งออกต้องการประมูลราคาต่ำเพื่อนำมาตุนแล้วรอระบายออกต่างประเทศในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เพราะแนวโน้มราคาข้าวตลาดโลกตลอดปี 2551 ไม่ตกต่ำลงอย่างแน่นอน ดังนั้นหากผู้ส่งออกประมูลซื้อข้าวจากรัฐบาลได้ราคาถูกมาเก็บไว้ แล้วระบายออกช่วงราคาตลาดโลกขึ้นสูงจะได้กำไรกันมหาศาล
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลควรระบายข้าวในส่วนที่เหลือ ควรจะเป็นหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพราะช่วงเวลานั้นชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะอยู่ระหว่างการทำนาปรังซึ่งจะไม่มีข้าวออกสู่ตลาด ประกอบกับข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกเพียง 1 ล้านตันเศษไม่ถือว่าจำนวนมากและไม่เป็นภาระรัฐบาลอย่างแน่นอน
"เวลานี้เป็นช่วงที่ชาวนาพอมีกำไร ควรจะเปิดโอกาสให้เขาได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้ไปก่อน เพราะที่ผ่านมาโอกาสจะมีกำไรจากการขายข้าวมีน้อยมาก เพราะปัจจัยการผลิตสูงขึ้น ปีนี้ถือว่าเป็นปีทอง รัฐบาลจึงไม่ควรมีนโยบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องข้าวออกมาในช่วงนี้ เพราะจะทำให้กลไกตลาดสะดุดได้"
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
|