นายสุรพงษ์ ปราณศิลป์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยถึงการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2550-2554 คาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาได้เร็วนี้ ทั้งนี้การพัฒนาข้าวจะเริ่มตั้งแต่ การผลิต การเก็บเกี่ยว การตลาด และการแปรรูป ในส่วนของการผลิตคาดว่าภายใน 5 ปี พื้นที่ปลูกข้าวจะลดลงประมาณ 5% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 60 ล้านไร่ เนื่องจากการพัฒนาของสังคมเมือง และการปลูกพืชอื่นทดแทน ดังนั้นจึงต้องพัฒนาพันธุ์ข้าว เพิ่มผลผลิตต่อไร่ จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 300 ถังต่อไร่ เป็น 529 ถังต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้น13.5%
นอกจากนี้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าว ตามยุทธศาสตร์จะต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมกับรัฐบาลพัฒนาการแปรรูปข้าว ทั้งในส่วนที่เป็นอาหารและไม่ใช่อาหาร คาดว่าการส่งออกในรูปของการแปรรูปจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับการส่งออกในรูปของข้าวสาร โดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าแปรรูปข้าวเพียง 1.8 แสนตัน แต่มีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท ขณะที่ข้าวสารส่งออกได้ 7.4 ล้านตัน มูลค่า 9.7 หมื่นล้านบาท
“สินค้าแปรรูปข้าวที่เป็นอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปของขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์บางอย่างใช้เพียงบางส่วนของข้าว เช่น จมูกข้าว เยื่อหุ้มข้าว สิ่งเหล่านี้ภาคเอกชนจะต้องคอยป้อนข้อมูลให้กับกรมการข้าว เพื่อศึกษาและวิจัยให้ได้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสม ตอนนี้มีบางบริษัทต้องการข้าวเม็ดขนาดกลาง แป้งเยอะเพื่อทำข้าวพอง ต้องการเม็ดข้าวที่มีจมูกข้าวใหญ่ เพื่อทำเป็นอาหารสุขภาพ ต้องการเยื่อหุ้มหนา เพื่อสกัดน้ำมันรำข้าว ทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา เมื่อได้พันธุข้าวออกมา เอกชนต้องส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในลักษณะคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง” นายสุรพงษ์ กล่าว
“ตามยุทธศาสตร์นี้ กรมการข้าว จะรวบรวมผลงานวิจัยจากที่ต่างๆ มาไว้ที่เดียวกัน เพื่อเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ” นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า ตามยุทธศาสตร์นี้ ได้กำหนดให้งดการรับจำนำข้าวในบางปี โดยให้ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด หากตลาดซื้อขายล่วงหน้ามีการซื้อเพิ่ม 20% รัฐบาลจะเลิกโครงการรับจำนำข้าวทันที
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |