นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ประมูลข้าวได้แล้ว แต่ไม่ทำสัญญารับซื้อไป จนทำให้มีข้าวค้างอยู่ในสตอกกว่า 3 ล้านตัน ว่า ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย หากเอาผิดได้เฉพาะทางแพ่ง หรือไม่สามารถขึ้นบัญชีดำบริษัทฯ ได้ ก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ส่วนการระบายข้าวที่ค้างสตอก ยังต้องรอดูจังหวะเวลาไม่ให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำลง

     อย่างไรก็ตาม นายเกริกไกร ยืนยันว่า ปัญหาข้าวกว่า 3 ล้านตันดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่ตนก่อไว้ แต่เป็นข้าวที่เกิดจากการรับจำนำโดยบิดเบือนไปมากในอดีต ส่วนข้าวที่รัฐบาลนี้รับจำนำมาประมาณ 1 ล้านตัน ขณะนี้ระบายออกไปเกือบหมดแล้วราว 700,000-800,000 ตัน ในราคาที่ได้กำไรถึงร้อยละ 20-30 ส่วนที่ยังไม่ได้ระบายออกมาอีกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตข้าวนาปรังเริ่มออก และมีปัญหาเงินบาทแข็งค่า หากระบายข้าวในสตอกออกมาจะทำให้ราคาตกต่ำลงไปมาก อีกทั้งคณะกรรมการนโยบายข้าว ( กนข.) สิ้นสุดไป ยังไม่มีคณะกรรมการชุดใหม่มาดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มพิจารณาได้อีกครั้งเร็ว ๆ นี้

     นายเกริกไกร ย้ำว่า การแก้ปัญหาข้าวเป็นเรื่องยาก เพราะมีปัจจัยหลายเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง หากตนต้องลาออกเพราะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ก็จะลาออก แต่ยืนยันว่า ปัญหาข้าวค้างสตอกกว่า 3 ล้านตัน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าเป็นภาระที่รัฐบาลต้องรับไว้ โดยจะต้องหาทางระบายออกมาให้มากที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจได้ราคาที่ต่ำกว่าที่ควรบ้าง แต่ก็จะต้องไม่ไปกดราคาตลาดให้ตกต่ำ เพราะจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อน

     ส่วนนโยบายการรับจำนำข้าว ยืนยันว่ายังจะต้องทำต่อไป โดยนักวิชาการที่เกี่ยวข้องก็เห็นเช่นกันว่า รัฐบาลจะต้องรับจำนำข้าวต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี แต่ในระหว่าง 5 ปีนี้ ก็จะต้องพยายามวางแนวทางให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องให้รัฐเข้าแทรกแซง เช่น การปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การตลาด และระบบการค้าล่วงหน้า.

ที่มา INN News