นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลจำนวน 913,346.71 ตัน กำหนดยื่นซองและเปิดราคาวันที่ 29 ต.ค.นี้ ขณะที่ข้าวขาว 5% และข้าวขาว 25% ชั้นเลิศ เสนอราคาและเปิดซองในวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งหากขายข้าวหมดตามจำนวนที่เปิดประมูลจะทำให้รัฐเหลือข้าวในสต็อกอีก 2 ล้านตัน โดยข้าวที่นำออกประมูลครั้งนี้ ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ ชนิดข้าวขาว 100% ชั้น 2 จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปี 2548/2549 จำนวน 200,880.43 ตัน ข้าวหอมจังหวัด จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปี 2547/2548 และนาปรังในปี 2548 จำนวน 272,229.19 ตัน ข้าวขาว 5% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปี 2547/2548 และนาปรังในปี 2548 จำนวน 272,229.19 ตัน ข้าวขาว 5% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปี 2548/2549 จำนวน 269,219.04 ตัน และข้าวขาว 25% ชั้นเลิศ ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในปี 2547/2548 และปีการผลิต 2548/2549 จำนวน 100,918.13 ตัน
นายวิจักร วิเศษน้อย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินสถานการณ์ตลาดข้าว พบว่าการระบายขณะนี้แม้ว่าจะมีปริมาณมาก แต่จะไม่ทำให้ราคาตลาดปั่นป่วน เนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้ข้าวออกสู่ตลาดช้าอย่างน้อย 2 เดือน โดยข้าวที่อยู่ในตลาดขณะนี้ มีปัญหาความชื้นสูง พ่อค้าจึงต้องการข้าวในสต็อกรัฐบาลเพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้มาตรฐาน
"การอนุญาตให้เอกชนประมูลข้าวรัฐขายในประเทศด้วย เพื่อไม่ให้ราคาตลาดภายในสูงขึ้น จนกระทบผู้บริโภค มิเช่นนั้นจะเหมือนเวียดนามที่ส่งออกข้าวจำนวนมาก จนทำให้ในประเทศขาดแคลน และต้องระงับการส่งออก"
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า การระบายข้าวครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตลาดมีความต้องการ เนื่องจากช่วงนี้จะไม่มีข้าวออกสู่ตลาดไปจนถึงเดือนธ.ค. จึงไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทั้งภายในและต่างประเทศ โดยราคาข้าวทุกชนิดขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ข้าวขาว 100% จากราคา 320 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มเป็น 345 ดอลลาร์ต่อตัน ข้าวหอมมะลิจาก 550 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 580 ดอลลาร์ต่อตัน
ด้าน นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า การระบายข้าวครั้งนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะความต้องการตลาดโลกยังมีมาก แม้ว่าจะเป็นช่วงข้าวใหม่นาปีออกสู่ตลาด แต่คาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาของเกษตรกร เนื่องจากราคาตลาดสูงกว่าราคาจำนำของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยข้าวเหล่านี้คาดว่าจะนำมาบริโภคภายในประเทศ และส่งออกข้าวใหม่แทน จากทุกปีที่ข้าวนาปีส่วนใหญ่เกษตรกรจะเก็บไว้บริโภคเอง
“การระบายข้าวครั้งนี้คิดว่าน่าจะทำให้ราคาในประเทศลดลงบ้างแต่ไม่มาก เพราะราคาขณะนี้พ่อค้ารับซื้อสูงกว่าราคาจำนำที่ตันละ 6,700-6,800 บาท ประกอบกับข้าวในตลาดโลกยังขาด เนื่องจากเวียดนามและอินเดีย ไม่มีข้าวส่งออก ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีของข้าวไทย“ นายวัฒนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้าวที่เหลืออยู่ในสต็อกอีก 2 ล้านตัน รัฐบาลไม่ควรระบายออกมาอีก เพราะจะทำให้เกินความต้องการ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาข้าวไทยแน่นอน โดยรัฐบาลควรรอไปอีกสักระยะหนึ่ง คาดว่าปี 2551 ราคาข้าวยังสูงขึ้นต่อเนื่อง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|