นางนภาภรณ์ คุรุพสุธาชัย ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือเอเฟท (AFET) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา เอเฟทได้จัดประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้ส่งออก โรงสี ผู้ค้าข้าวหรือหยง ผู้ประกอบการข้าวถุง ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในวงการข้าว เพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการนำข้าวหอมมะลิเข้ามาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET
เธอกล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ของการประชุมในครั้งนี้ AFET ได้ทำการศึกษาข้าวหอมมะลิ เพื่อนำเข้ามาซื้อขายล่วงหน้า มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ประกอบกับทางด้านอนุกรรมการสินค้าข้าวของ AFET ได้มีข้อเสนอแนะให้มีการจัดประชุมหารือร่วมกับบุคคลในวงการข้าว เพื่อระดมความคิดเห็น ในการกำหนดรูปแบบสัญญาล่วงหน้าข้าวหอมมะลิก่อนที่จะนำเข้ามาซื้อขายล่วงหน้า
"จากผลสรุปการประชุมหารือในครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่างเห็นควรให้ AFET เร่งศึกษา เพื่อนำเอาข้าวหอมมะลิเข้ามาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมข้าวหอมมะลิโดยรวมของประเทศ ทั้งด้านการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและการประกันความเสี่ยงด้านราคาของผู้ประกอบการ ตลอดจนสามารถใช้ราคาล่วงหน้าของ AFET เป็นราคาอ้างอิงทางการค้าของข้าวหอมมะลิในที่สุด" นางนภาภรณ์กล่าว
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ ได้แสดงความคิดเห็นว่าที่ผ่านมา AFET ได้มีการนำข้าวขาว 5% เข้ามาซื้อขายล่วงหน้าแล้วกว่า 2 ปี แต่ที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ดังนั้น ถ้ามีการนำข้าวหอมมะลิเข้ามาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มอีกรายการหนึ่ง น่าจะมีส่วนอย่างมากในการที่จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนนายปราโมทย์ วานิชานนท์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวที่ผ่านมาโดยรูปแบบการรับจำนำในอดีต ก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนหลายหมื่นล้านบาท
"ความเสียหายดังกล่าว เกิดจากกลไกตลาด ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันโอกาสทางการตลาดได้เปิดกว้าง เนื่องจากราคารับจำนำใกล้เคียงกับราคาตลาด กลไกของตลาดเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นโอกาสที่ AFET ควรเร่งศึกษาการใช้ประโยชน์ของกลไกการซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเข้ามาทดแทนโครงการรับจำนำในอนาคต" นายปราโมทย์กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|