นางอภิรดี ตันตาภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1-30 เม.ย.2551 ส่งออกข้าวไทยแล้ว 814,218 ล้านตัน มูลค่า 488 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 15,374 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (1 ม.ค.-30 เม.ย.) มีปริมาณ 4.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 74% มูลค่า 1,913 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 60,203 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61% เนื่องจากหลายประเทศมีการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณสต็อกในประเทศ ทำให้ภาพรวมตลาดยังเป็นของผู้ขาย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาในระยะยาว เชื่อว่าอาจจะชะลอตัวบ้าง เพราะราคาน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งกรมจะติดตามราคาข้าวโลกอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนไทยมองว่า หลายตลาดไทยสามารถใช้จังหวะนี้ขยายตลาดได้ อาทิเช่น ตลาดตะวันออกกลาง เพราะคู่แข่งยังไม่สามารถส่งออกได้ ได้แก่ ปากีสถาน และอินเดีย ระงับการส่งออก นอกจากกรมอยู่ระหว่างปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การตลาดใหม่ให้เป็นผลดีต่อการค้าข้าวในระยะยาว โดยเน้นตลาดที่มีคุณภาพ มีความต้องการข้าวชนิดที่ไทยมีอยู่มาก
"เราต้องการราคาข้าวที่มีเสถียรภาพ ไม่มีใครตอบได้ว่าราคาตอนนี้สูงสุดแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ๆ คงไม่กลับมาราคาถูกเหมือนปีก่อนแน่นอน ราคาขณะนี้ ขึ้นๆ ลงๆ ได้ แต่ยังอยู่ในระดับสูง" นางอภิรดี กล่าว
ปัดรับรองผู้ส่งออกประมูลข้าวฟิลิปปินส์
ส่วนการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์วันที่ 5 พ.ค.นี้ รัฐมีนโยบายสนับสนุนการส่งออกของผู้ส่งออกข้าว แต่เมื่อพิจารณาด้านกฎหมายห้ามรัฐรับรองธุรกรรมใดๆ นอกเหนือจากรัฐวิสาหกิจ ทำให้การประมูลข้าวล็อตนี้ รัฐไม่สามารถรับรองผู้ส่งออกที่เข้าร่วมประมูลตามเงื่อนไขที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนดขึ้น นอกจากนี้ รัฐไม่มีแผนที่จะขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ว่ากรณีใดๆ
นายวิจักร วิเศษน้อย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดข้าวขณะนี้เป็นของผู้ขายทั้งภาครัฐและเอกชนมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ที่ราคาชะลอตัว เพราะราคาผันผวนหลายตลาด และรอดูสถานการณ์ราคาก่อนตัดสินใจซื้อข้าว ซึ่งการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์ เป็นการประมูลที่มีเวียดนามประเทศเดียวที่สามารถเสนอราคาได้ ทำให้ราคาข้าวที่เสนอนั้น ไม่สามารถชี้ทิศทางตลาดได้
ดีเดย์ขาย"ข้าวถุงธงฟ้า" 12 พ.ค.
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึง แผนการจำหน่ายข้าวถุง " ธงฟ้ามหาชน" ว่า กำหนดเปิดจำหน่าย วันที่ 12 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 66 ปีสถาปนากรม ซึ่งในปลายสัปดาห์นี้จะตั้งคณะอนุกรรมการจัดการข้าวในประเทศ เพื่อกำหนดการผลิตและจำหน่ายข้าวถุงราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 20% เบื้องต้นคาดจะผลิตและจำหน่ายข้าวขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ล็อตแรกประมาณ 2-3 แสนถุง
ทั้งนี้ ราคาขายข้าวถุงนั้น ยังไม่กำหนดตายตัวขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว แต่จะถูกกว่าท้องตลาด เพราะประหยัดต้นทุนการตลาดที่ไม่ผ่านห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งช่วงแรกจะนำถุงพลาสติกขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มาบรรจุจำหน่ายชั่วคราวก่อน โดยสามารถประหยัดต้นทุนได้มาก หลังจากนั้น จะผลิตถุง โดยใช้ตราข้าวสารธงฟ้ามหาชน ส่วนข้าวในสต็อก 2.1 ล้านตันขณะนี้ สามารถผลิตและจำหน่ายข้าวหอมมะลิอย่างดีได้ 3 แสนตัน ที่เหลือเป็นข้าวขาว ข้าวเหนียว และข้าวชนิดอื่น
"ยืนยันว่า ข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาลไม่มีผลต่อราคาส่งออก หรือทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยลดลง เพราะเป็นข้าวถุงที่ผลิตเพื่อบริโภคในประเทศไม่ใช่เพื่อส่งออก ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริงที่มีการระบุว่า ข้าวถุงรัฐบาลทำให้ราคาส่งออกลดลง โดยน่าจะเป็นการพูดเพื่อหวังผลด้านจิตวิทยามากกว่า" นายยรรยงกล่าว
ชี้สินค้าที่ใช้น้ำตาลยังไม่ควรขึ้นราคา
นายยรรยง ยังกล่าวว่า จากการพิจารณาผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ หลังราคาน้ำตาลทรายปรับขึ้นกิโลกรัมละ 5.35 บาท พบว่านมข้นหวานมีผลกระทบ 3.92% น้ำอัดลม 2.45% และผลไม้กระป๋อง 1.82% ซึ่งเป็นสัดส่วนผลกระทบไม่ชอบธรรมพอที่ต้องปรับราคาขึ้น เนื่องจากได้ผลกระทบไม่เกิน 10%
"การขึ้นราคาน้ำตาลทั้งระบบครั้งนี้ รัฐบาลเห็นว่าผู้ที่ได้ประโยชน์มากสุด คือ ชาวไร่อ้อยที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ปรับราคาเพื่อให้โรงงานได้ประโยชน์ หลังจากนี้ ระบบค้าน้ำตาลน่าจะกลับสู่ภาวะปกติ หลังปรับราคาขึ้น ส่วนผู้ที่กระทำผิดทั้งกักตุน ปฏิเสธการขายนั้น ขณะนี้ ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว 3 ราย คือ ร้านกังวาลพร หจก.เอี๊ยเซ่งกง และบริษัท สมสหทวีวัฒนา จำกัด โดยมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ" นายยรรยงกล่าว
คนแห่ซื้อสินค้างานธงฟ้าเอาท์เลต
ส่วนงาน "ธงฟ้า เอาท์เลต เซล" นายยรรยง กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานได้นำสินค้ามาจัดรายการนาทีทอง ลดราคาต่ำกว่าราคาขายในงาน ตั้งแต่เวลา 11.00-12.00 น. ของทุกวันถึงวันที่ 5 พ.ค.นี้ อาทิเช่น น้ำมันพืชขวดละ 42 บาท จากปกติ 45 บาท ข้าวสารหอมมะลิ ถุง (5 กิโลกรัม) ละ 170 บาท จาก 175 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์กิโลกรัมละ 17 บาท จาก 18.50 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศการซื้อขายสินค้าในงาน "ธงฟ้า เอาท์เลต เซล" ว่า ประชาชนจำนวนมากเข้าแถวรอซื้อน้ำตาลทรายของบริษัท มิตรผล ตั้งแต่เริ่มเปิดขายเวลา 10.00 น. เพราะยังขายในราคาเก่าที่ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคา โดยน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์กิโลกรัมละ 18 บาท จากปกติ 18.50 บาท มิตรผลโกลด์ กิโลกรัมละ 20 บาท จากปกติ 26 บาท จึงทำให้น้ำตาลทรายที่เตรียมมาขายวันละ 500 กิโลกรัม ขายหมดลงในเวลาไม่ถึง 30 นาที หลังการเปิดซื้อขายแม้จะจำกัดการซื้อคนละ 2 กิโลกรัม
ขณะที่ข้าวสารมีประชาชนจำนวนมากเข้าคิวซื้อ เพราะขายราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก แต่บางยี่ห้อ อาทิเช่น มาบุญครอง ขึ้นราคาแล้วตั้งแต่วานนี้ (1 พ.ค.) โดยข้าวหอมมะลิขึ้นราคาอีก ถุง 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 20-50 บาท ส่วนข้าวขาวขึ้นอีกถุงละ 20-30 บาท
หมูลดราคาเหลือ 95 บาทต่อกก.
ส่วนราคาเนื้อหมู ได้ปรับลดราคาขายจากกิโลกรัมละ 98 บาท เหลือ 95 บาทแล้ว ในงานธงฟ้า เอาท์เลต เซล จัดโดยกรมการค้าภายในจนถึง 5 พ.ค.นี้ รวมถึงห้างแม็คโคร 11 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และอีก 3 อำเภอใน จ.นครปฐม ได้แก่ อำเภอเมือง นครชัยศรี และกำแพงแสน โดยจุดจำหน่ายธงฟ้าที่อยู่นอกเหนือจากนี้กว่า 400 แห่ง ยังจำหน่ายราคา 98 บาท ตลอดเดือนพ.ค.นี้
"สาเหตุที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะกรมไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับผู้เลี้ยง แต่ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเอง เพื่อตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง นำร่องที่กลุ่มผู้เลี้ยงหมู จ.นครปฐม เน้นบริหารจัดการการเลี้ยง ร่วมกันสั่งซื้ออาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุน ขณะที่รัฐบาลหาจุดจำหน่าย แหล่งเงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ( เอสเอ็มอีแบงก์)"
มิ่งขวัญเตือนชาวนาอย่าเร่งขายข้าว
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง ข่าวลือว่าข้าวถุงขายราคาถูกจะทำให้ราคาข้าวในตลาดลดลง ว่า ขณะนี้ มีขบวนการปล่อยข่าว เพื่อหวังให้เกษตรกรเร่งขายข้าวราคาถูกกว่าปกติ จึงขอเตือนชาวนาอย่าเชื่อข่าวลือ เพราะราคาข้าวในตลาดขณะนี้ ยังสามารถขายข้าวเปลือกได้ 12,000-14,000 บาทต่อตัน และหากชาวนาจำเป็นต้องใช้เงิน กระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาจะเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกร โดยให้ราคาเฉลี่ย 13,000 บาทต่อตันขึ้นไป เพื่อนำมาชดเชยข้าวในสต็อกที่นำไปบรรจุถุงขาย โดยยืนยันว่า การทำข้าวถุงราคาถูกกว่าตลาด 20% ไม่ใช่เพื่อให้ตลาดบิดเบือนหรือราคาข้าวลดลง แต่ต้องการให้ประชาชนซื้อข้าวราคาถูก โดยจะดำเนินการจนถึงสิ้นปีนี้ แต่รัฐบาลจะทยอยซื้อข้าวกลับมาในสต็อก ส่วนการส่งออกนั้นยังดำเนินการตามปกติ ซึ่งหลายประเทศก็ต้องการซื้อข้าวจากไทย และอยากให้ขายลักษณะรัฐต่อรัฐ แต่ข้าวในสต็อกของรัฐมีเพียง 2.1 ล้านตัน จึงให้ผู้ส่งออกดำเนินการแทน
ยธ.จ้องซื้อข้าวธงฟ้าให้นักโทษ
นายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมจะประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอซื้อข้าวถุงที่รัฐบาลเตรียมนำออกมาจำหน่ายให้ประชาชนจำนวน 2.1 ล้านตัน เพื่อนำมาให้ผู้ต้องขังและเด็กและเยาวชนในสถานพินิจเกือบ 2 แสนคน
ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมกำลังหาทางออก เนื่องจากราคาข้าวมีราคาสูงขึ้น เพื่อให้ผู้ประมูลมีแหล่งซื้อข้าวราคาถูก ป้องกันเกิดปัญญาไม่มีสินค้าส่งให้เรือนจำและสถานพินิจ โดยจะตรวจสอบยอดการส่งข้าวให้สถานพินิจและเรือนจำว่ามีปริมาณเท่าใด เพื่อไม่ให้ซื้อข้าวจากรัฐบาลเกินจำนวน
"ในฐานะคณะอนุกรรมการการจัดการขายข้าวราคาถูก จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมว่ากระทรวงยุติธรรมจะสามารถสั่งซื้อข้าวถุงได้จำนวนเท่าใด ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นทางออกหนึ่งที่กระทรวงยุติธรรมพยายามแก้ปัญหาเรือนจำ และสถานพินิจขาดข้าว" นายธงทองกล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |