หลังสหรัฐประสบปัญหาวิฤกตการทางการเงินอย่างหนัก จนรัฐบาลสหรัฐต้องร้องขอให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนกู้วิกฤตดังกล่าวที่ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่สภาคองเกรสมีมติไม่อนุมัติไปแล้วนั้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง แต่ราคาทองคำพุ่งสูง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยหลุดระดับ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐไปแล้วนั้น

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ค่าบาทแข็งย่อมกระทบต่อการส่งออกข้าวให้แย่ลง และแข่งขันได้ยากขึ้นกับประเทศส่งออกสำคัญอย่างเวียดนาม ซึ่งตอนนี้ข้าวขาว 5% ราคาส่งออกของไทยอยู่ที่ตันละ 690 เหรียญสหรัฐ แต่ราคาส่งออกของเวียดนามอยู่ที่ตันละ 520 เหรียญสหรัฐ ประกอบกับวิกฤตการเงินของสหรัฐที่กำลังลุกลามไปทั่วโลกย่อมกระทบต่อกำลังซื้อทั่วโลกให้ลดลงอย่างมาก ซึ่งจะเห็นผลกระทบชัดเจนในปี 2552 การส่งออกข้าวน่าจะลดลง 20% จากปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ 9-10 ล้านตัน จะเหลือไม่เกิน 8 ล้านตัน ค่าเฉลี่ยราคาส่งออกต่อตัน 650 เหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับมูลค่าการส่งออกข้าวในปีหน้าจะหายไป 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

"หากสมาคมมีโอกาสได้หารือกับนายกรัฐมนตรี จะเสนอให้ดูแลค่าบาทไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วและแข็งค่าเกิน 34 บาทเหรียญสหรัฐ เร่งสร้างภาพพจน์ต่อชาวโลกว่าการเมืองไทยสงบแล้ว และต้องการให้ทบทวนราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 เหลือ 11,000 บาท/ตัน จาก 14,000 บาท และลดปริมาณรับจำนำจาก 8 ล้านตัน เหลือ 4 ล้านตัน เพื่อไม่เป็นการบิดเบือนตลาดและเป็นภาระต่องบประมาณของรัฐบาล"

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการและรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่าบาทจะแข็งหรืออ่อน สำหรับผู้ประกอบการไม่เป็นประเด็นน่าวิตกเท่ากับความผันผวน ค่าบาทที่มีการขึ้นลงแรงเกินไปและแตกต่างจากเงินสกุลอื่นๆ ของประเทศใกล้เคียงจะทำให้เสถียรภาพการแข่งขันลดลง และเสียตลาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าค่าบาทแข็งย่อมกระทบต่อการส่งออกจะลดลง แต่เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่รัฐบาทจะเข้ามาแทรกแซง เพราะเชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้า สภาคองเกรสของสหรัฐจะผ่านความเห็นชอบมาตรการอัดฉีดเงิน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเห็นถึงผลกระทบในทั่วโลกแล้ว

นายพรศิลป์กล่าวว่า สำหรับการส่งออก ต้องยอมรับว่าค่าบาทที่ผันผวนไม่ว่าจะแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลง ทำให้เกิดการชะลอการขายและรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ใหม่ เพราะไม่รู้ว่าจะกำหนดราคาขายที่เท่าไหร่ หากผิดพลาดจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม เอกชนค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรของไทยในปี 2552 จะลดลงจากปีนี้ และโอกาสส่งออกได้ต่ำกว่า 10%

"ตอนนี้เราคงต้องระวังการรับคำสั่งซื้อใหม่ และพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐ ไม่ใช่กระทบต่อไทยเท่านั้น ยังกระทบทั่วโลก และที่ผ่านมาไทยเผชิญกับปัญหาภายในและนอกประเทศมาตลอด ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือดีอยู่แล้ว เชื่อว่าอย่างไรก็รับมือได้ แต่อาจค้าขายไม่ดีเหมือนก่อน ตอนนี้ยังประเมินสถานการณ์และตัวเลขเป้าหมายส่งออกของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ได้"

ที่มา มติชน