นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกกำลังกังวลต่ออนาคตภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทย อาจจะเสียหายได้และเกิดความสับสนของประเทศผู้นำเข้าและเป็นเป้าหมายตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิไทย จากกรณีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอให้เพิ่มราคารับจำนำข้าวหอมมะลิจังหวัดนครสวรรค์ในราคาใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิในภาคอีสาน เพราะมีการเรียกร้องให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น จึงไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดราคารับจำนำที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากข้าวหอมจังหวัดนครสวรรค์จะต่ำกว่าหอมมะลิอีสานตันละ 1,000 บาท

"ดูจะไม่เป็นธรรมต่อชาวนาภาคอีสานที่ปลูกข้าวได้ปีละหน ต้องอาศัยรายได้ส่วนนี้เป็นหลัก แต่ภาคกลางที่ปลูกข้าวขาวสลับข้าวหอมก็จะมีทางเลือกมากกว่า และหากอนาคตจังหวัดอื่นๆ เอาอย่าง นำพันธุ์ข้าวหอมอีสานไปปลูกเพราะเห็นว่าราคาดีกว่าหอมจังหวัด ก็จะแห่กันปลูก เสน่ห์ของข้าวหอมมะลิไทยก็จะลดลง และเป็นปัญหาได้ในอนาคต" นายชูเกียรติกล่าว

นายชูเกียรติกล่าวว่า ตลาดส่งออกข้าวในเดือนพฤศจิกายน 2551 ปริมาณส่งออกไม่สูงนักเพียง 4.5 แสนตัน ต่ำสุดของปีนี้ และแนวโน้มส่งออกข้าวในเดือนธันวาคมก็ยังไม่สูงนัก ตัวเลขน่าจะใกล้เคียงเดือนพฤศจิกายน และตัวเลขทั้งปีนี้น่าจะเหลือ 8.5 ล้านตัน จากเป้าหมาย 9-10 ล้านตัน

แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าวรายหนึ่ง กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาม็อบชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ที่ยอมเพิ่มราคารับจำนำข้าวหอมมะลิจังหวัดนครสวรรค์อีกตันละ 1,000 บาท เห็นว่าเป็นนโยบายประชานิยมและไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง จึงอยากให้รัฐบาลมองถึงอนาคตมากกว่าแก้ไขปัญหาเฉพาะเพื่อการสลายม็อบ และ หวั่นว่าผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทยจะเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทย เพราะเกรงว่าจะนำข้าวหอมมะลิภาคกลางปลอมปนกับข้าวหอมมะลิภาคอีสานเพื่อต้องการเพิ่มราคาขายและกำไรส่วนต่างเพิ่ม ก็จะเป็นการเพิ่มทุนผู้ส่งออกโดยไม่จำเป็น

ที่มา มติชน