ไทย-เวียดนาม สองประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ประสานเสียงปีนี้ราคาข้าวลงยาก ประเทศผู้นำเข้าต้องทำใจซื้อข้าวราคาแพงและอาจหาซื้อไม่ได้ เหตุจากดีมานด์สูงกว่าซัพพลาย เวียดนามประกาศไม่สนเป้าหมายปริมาณ ยึดราคาขายเป็นหลัก เผยปีนี้ข้าวเวียดนามแพงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 150 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน

     จากสถานการณ์ปริมาณข้าวทั่วโลกมีไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากขณะนี้ประเทศอินเดีย ผู้ส่งออกอันดับสี่รองจากไทย เวียดนามและสหรัฐฯ ซึ่งได้เข้มงวดส่งออกข้าวตั้งแต่กลางปี 2550 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งออก จากปกติอินเดียส่งออกข้าวนึ่งเดือนละ 200,000 ตัน ทำให้ซัพพลายหายไปจากตลาด จนราคาข้าวทั่วโลกขยับสูงขึ้นอย่างมากนั้น เมื่อเร็วๆนี้สองประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่คือไทยและเวียดนามได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

     นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า การประชุมร่วมระหว่างสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศของไทย กับสมาคมอาหารแห่งเวียดนาม ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยมีภาครัฐบาลของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมประชุมด้วย ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกขึ้นมาหารือได้ให้ความสำคัญไปที่เรื่องสถานการณ์ราคาข้าวที่สูงขึ้นอย่างมากในเวลานี้เป็นหลัก โดยแนวทางความร่วมมือทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทั้งเรื่องของตลาดและราคา โดยเฉพาะตลาดส่งออกที่เป็นตลาดหลักของทั้งไทยและเวียดนาม เช่นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น จะมีการหารือกันก่อนที่จะไปประมูลขายเมื่อประเทศผู้ซื้อมีการประมูลซื้อ

     ขณะเดียวกันรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ต้องดูแลราคาข้าวภายในประเทศไม่ให้สูงเกินไป เพราะเวลานี้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ต่างประสบปัญหาเดียวกันคือขาดทุน เนื่องจากเมื่อเสนอขายข้าวไปแล้วซึ่งเป็นการขายล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน เมื่อกลับมาซื้อข้าวในประเทศราคาข้าวภายในสูงขึ้นทำให้ขาดทุนกันถ้วนหน้า จากการประมูลขายให้กับฟิลิปปินส์เมื่อต้นปีนี้เวียดนามขาดทุนถึงตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้รัฐบาลเวียดนามได้แก้ปัญหาด้วยการจำกัดสินเชื่อเพื่อการส่งออกแล้ว

     "ปีนี้เป็นปีที่ประเทศผู้ซื้อต้องทำใจที่จะต้องซื้อข้าวราคาแพง เพราะทั้งไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ต่างประสบปัญหาราคาภายในสูงอย่างมากคงเสนอขายราคาถูกไม่ได้ ข้าวขาว 100% ต้องสูงกว่าตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันขึ้นมาถึงตันละ 482 ดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว ขณะที่ปีที่ผ่านมาตันละ 300-340 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น ประกอบกับมีความต้องการสั่งซื้อจากประเทศผู้ซื้อเข้ามาจำนวนมาก เช่นฟิลิปปินส์เพียงแค่ไตรมาสแรกประมูลซื้อไปแล้ว 450,000 ตัน และจะประมูลวันที่ 11 มีนาคม ศกนี้อีก 550,000 ตัน ถือว่าฟิลิปปินส์มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ เวลานี้มีเพียงอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่รายหนึ่ง โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้าข้าว 1.6 ล้านตัน แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ โอกาสที่อินโดนีเซียจะได้ข้าวราคาแพงมีสูงมาก" นายชูเกียรติกล่าว

     ด้านนายตรึง ธานห์ ฟอง นายกสมาคมอาหารแห่งประเทศเวียดนาม กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวของประเทศเวียดนาม ว่าปีนี้จะมีผลผลิตทั้งสิ้นประมาณ 36.5 ล้านตันข้าวเปลือก ตั้งเป้าส่งออกเบื้องต้นไว้ที่ 4.5 ล้านตันข้าวสาร อย่างไรก็ดีจะมีการบริหารการส่งออก โดยจะไม่เน้นขายจำนวนมากเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่จะคำนึงถึงเรื่องราคาเป็นหลัก เนื่องจากปีนี้ทั่วโลกมีความต้องการข้าวมากจึงสามารถเสนอขายราคาสูงได้ ซึ่งเวลานี้ข้าวของเวียดนามข้าวขาวได้เสนอขายราคาที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงตันละ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว กล่าวคือปีนี้ได้เสนอขายที่ตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตลาดส่งออกจะให้ความสำคัญกับตลาดประจำเช่นฟิลิปปินส์ เป็นต้น

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ