แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการระบายข้าว ได้อนุมัติการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อครัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/2548, 2548/2549, 2549/2550 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2548, 2550 และ 2551 รวมจำนวน 3.1 ล้านตัน โดยเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ส่งออกและผู้จำหน่ายข้าวในประเทศยื่นซองเสนอราคาซื้อในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ และเสนอราคาซื้อเป็นเงินบาท

แหล่งข่าวกล่าวว่า นายไชยาได้ปรับวิธีการระบายใหม่ โดยให้มีการยื่นซองราคากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) แทนกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) พร้อมกับไม่มีการเปิดซองต่อสาธารณะ แต่จะนำมาพิจารณาในคณะกรรมการระบายข้าวที่มีนายไชยาเป็นประธานทันที นอกจากนี้ ได้ลดเวลารับมอบและขนย้ายข้าวที่ได้รับการอนุมัติเร็วขึ้น จากเดิมให้ขนย้ายภายใน 30-270 วัน เหลือ 30-180 วัน นับจากวันที่ทำสัญญา แต่ยังให้คงวางเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวที่ประมูลซื้อได้ และเพิ่มเติมให้ตัดสิทธิระบายข้าวให้กับผู้ชนะประมูลที่ละทิ้งการเสนอราคาและผิดสัญญารับมอบตามกำหนดเวลาสำหรับการซื้อขายในครั้งต่อไป และให้จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งก่อนหน้านี้นายไชยาเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะระบายเพื่อส่งออกเท่านั้น

"ก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะกรรมการระบายข้าว กรมการค้าต่างประเทศเคยเสนอให้ระบายครั้งละไม่เกิน 300,000 ตัน เพราะเกรงว่าจะกระทบราคาข้าวในตลาดและส่งออกให้ต่ำลง แต่นายไชยาต้องการให้ใช้วิธีการระบายยกล็อต และส่งมอบให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้เงินมาหมุนเวียนในโครงการรับจำนำก่อนเดือนธันวาคมนี้ที่ปริมาณข้าวนาปีจะออกสู่ตลาดกว่า 50% เพื่อแก้ปัญหาที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงการคลังเคยแจ้งว่าไม่อยากให้เร่งรัดเปิดใบประทวนรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 เร็วกว่าเดือนธันวาคม เพราะยังติดขัดเรื่องงบประมาณที่จะใช้จำนวน 9.7 หมื่นล้านบาท

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า อาจมีเพียงรายใหญ่ที่สนใจ เพราะเงื่อนไขประมูลค่อนข้างเข็มงวด และเชื่อว่าในสถานการณ์ราคาข้าวขาลง จะทำให้การเสนอซื้อในราคาต่ำจะอิงราคารับจำนำตันละ 12,000 บาท หรือ 14,000 บาท อาจไม่ได้รับความสนใจ

ที่มา มติชน