แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปลายสัปดาห์นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้ดูแลโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง 2551 ตามมติคณะกรรมการบริหารข้าวนาปรัง 2551 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เตรียมเสนอคณะกรรมการขอเพิ่มเป้าหมายรับจำนำข้าวเปลือกจาก 2.5 ล้านตัน เป็น 4 ล้านตัน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า มีผลผลิตค้างที่จะออกสู่ตลาดพร้อมกันถึงกลางเดือนกันยายนนี้เป็นจำนวนมาก และขอให้เปิดโรงสีจุดรับจำนำเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณข้าวที่ทะลักออกสู่ตลาดอีกหลายล้านตัน ทั้งนี้ จากตัวเลขยอดรับจำนำ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2551 รับจำนำโดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) มีประมาณ 1.8 ล้านตันข้าวเปลือก และจำนำกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กว่า 7 แสนตัน ซึ่งเกินจำนวนเป้าหมายที่ขอไว้กับคณะกรรมการ และเป็นยอดจำนำสูงสุดในรอบ 10 ปี

แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุที่เกษตรกรนำข้าวจำนำกับรัฐสูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากราคาข้าวในตลาดตกต่ำเหลือตันละ 11,000-13,000 บาท บางพื้นที่ถูกกดราคาเหลือ 8,000-9,000 บาท เนื่องจากความต้องการข้าวในประเทศและส่งออกลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะรับจำนำในราคาที่สูงขึ้นตันละ 15,000-19,000 บาท

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวภายหลังหารือกับกระทรวงพาณิชย์ว่า วงการข้าวกำลังกังวลว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ว่ายุบสภาหรือลาออก จะเกิดสุญญากาศในช่วง 2-3 เดือน กระทบต่อการบริหารข้าวทั้งระบบที่จะมีผลผลิตออกมาค่อนข้างสูงถึง 23 ล้านตัน และความไม่ต่อเนื่องในการระบายข้าวในสต็อครัฐ 3.4 ล้านตัน อาจเกิดภาวะรุนแรงจากข้าวล้นตลาดและราคาตกต่ำ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการเตรียมความพร้อมได้แล้ว "ยิ่งมีเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศ โอกาสจะขายข้าวอีก 100,000 ตัน ให้มาเลเซียก็ต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด" นายชูเกียรติกล่าว และว่า ทั้งนี้ สมาคมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดคณะไปพบปะกับพ่อค้านำเข้าข้าวรายใหญ่ในยุโรป ระหว่างวันที่ 15-18 กันยายน เพื่อสร้างความเข้าใจให้เห็นว่าเหตุการณ์ไม่สงบไม่ได้รุนแรงจนกระทบต่อการค้า

ที่มา มติชน