นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ปริมาณส่งออกข้าวของไทยในเดือนพฤศจิกายน 2551 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยส่งออกได้ปริมาณเพียง 420,000 ตัน ลดลง 63% จากเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ส่งออกได้ 1.16 ล้านตัน เนื่องจากราคาข้าวไทยไม่สามารถแข่งขันกับราคาข้าวของเวียดนามและปากีสถานที่ส่งออกในราคาต่ำกว่าไทยตันละกว่า 100 เหรียญสหรัฐ อีกทั้งความต้องการในตลาดนำเข้ายังเป็นขาลง และการระบายข้าวในสต๊อครัฐบาลในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดในประเทศ จึงกระทบต่อปริมาณส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งลดลงเหลือเพียง 287,000 ตันในเดือนพฤศจิกายน ส่วนข้าวหอมมะลิก็ไม่ดีมากนักเพราะปริมาณส่งออกคงที่ในปริมาณ 134,000 ตัน

"ย้อนหลัง 3 ปีไทยเคยส่งออกข้าวต่อเดือนอย่างน้อย 540,000-550,000 ตัน และแนวโน้มส่งออกในเดือนธันวาคมนี้ก็น่าจะลดลงอีก คาดว่าจะเหลือประมาณ 400,000 ตัน ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังกังวลว่าในปีหน้าปริมาณการส่งออกข้าวไทยหากต่ำกว่า 400,000 ตัน จะทำธุรกิจกันอย่างไร เพราะจะกระทบต่อภาพรวมทางธุรกิจ การส่งออกข้าวทั้งปีในปี 2552 ไม่ถึงเป้า 8.5 ล้านตัน อาจทำสถิติตกต่ำกันอีกรอบ ทั้งนี้คงต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในไตรมาสแรกของปีหน้า เพราะต้องรอดูปริมาณข้าวที่รัฐบาลระบายออกมาว่าจะส่งออกได้มากในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าหรือไม่ จากการอาศัยต้นทุนต่ำ"

นายชูเกียรติกล่าวว่า ภาวะราคาข้าวที่ผันผวนและมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในประเทศและการส่งออก เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกและการเจรจาขายข้าว โดยกำลังเกิดภาวะทิ้งสัญญารับมอบข้าว ทั้งนี้ราคาข้าวในประเทศกำลังเกิด 2 มาตรฐานคือ ข้าวราคาต่ำจากสต๊อครัฐบาลที่ระบายออก 2.5 ล้านตัน กับราคาซื้อขายในตลาดที่แตกต่างกัน เช่น ข้าวขาว 100% ราคาตลาด กระสอบละ 1,850 บาท ขณะที่การส่งออกราคา 570-580 เหรียญ/ตัน แต่ข้าวสต๊อครัฐบาลนาปรัง 2551 เหลือกระสอบละ 1,700 บาท หรือส่งออกราคาตันละ 540-510 เหรียญสหรัฐ

ที่มา มติชน