รายงานข่าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม อคส.ได้ส่งหนังสือยืนยันการขายข้าวในสต๊อครัฐบาลที่ได้เปิดประมูลเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน แยกเป็นชนิดข้าวขาว 9.14 แสนตัน มูลค่า 1.17 หมื่นล้านบาท ข้าวหอมมะลิ 1.91 แสนตัน มูลค่า 3.2 พันล้านบาท โดยบริษัท พงษ์ลาภ เป็นผู้ชนะการซื้อข้าวขาวในปริมาณสูงสุด 2.8 แสนตัน รองลงมาคือ บริษัท ไชยพร 2.65 แสนตัน บริษัท เอเชียโกลด์เด้นท์ไรซ์ 1.71 แสนตัน บริษัท แคปปิตอล 1.25 แสนตัน

ส่วนข้าวหอมมะลิ บริษัท ไชยพร ได้ปริมาณสูงสุด 3.7 หมื่นตัน พงษ์ลาภ 3.2 หมื่นตัน นครหลวงค้าข้าว 2.4 หมื่นตัน เอเชียโกลด์เด้นไรซ์ 2.06 หมื่นตัน ซึ่งการอนุมัติขายข้าวได้ยึดตามคำสั่งนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ระบุให้ขายข้าวขาวที่เสนอซื้อเกินตันละ 7,000 บาท และเสนอซื้อข้าวหอมมะลิเกินตันละ 1.5 หมื่นบาท จึงทำให้มีการเสนอราคาซื้อครั้งสองสูงกว่าการเปิดประมูลครั้งแรกและทำให้ได้มูลค่าขายข้าวเพิ่มอีก 1.9 พันล้านบาท

แหล่งข่าวจาก อคส. เปิดเผยว่า อคส.มีแผนตั้งตัวแทนขายข้าวและผลิตภัณฑ์ของ อคส.ในต่างประเทศ ซึ่งมีบริษัทผู้นำเข้าสินค้าและร้านอาหารไทยในประเทศอังกฤษและเม็กซิโกแสดงความสนใจเข้าทำสัญญาซื้อข้าวและเป็นตัวแทนจำหน่ายข้าวบรรจุถุง อคส. คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2552 พร้อมกันนี้กำลังเพิ่มการขยายตลาดข้าวบรรจุถุง อคส.ในจีนและสหรัฐ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้นำเข้าในหลายประเทศแสดงความสนใจซื้อข้าวโดยตรงกับ อคส.หรือผู้ส่งออกรายย่อยในปริมาณ 2-3 หมื่นตัน แทนสั่งซื้อจากผู้ส่งออกรายใหญ่เพราะต้องเจรจาซื้อในปริมาณที่สูง และต่อรองราคาได้ง่ายกว่า จึงเห็นเป็นโอกาสของ อคส.ที่จะเจาะตลาดผู้ซื้อโดยตรงในต่างประเทศ

ที่มา มติชน