แหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี นัดหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลข้าว เพื่อรับทราบปัญหาและแนวทางในการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องการจัดหาเงินรองรับการเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ที่กำหนดเปิดวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เป้าหมายรับจำนำที่ 8 ล้านตัน และใช้งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินมาก และยังไม่มั่นใจว่าต้องขยายจำนวนรับจำนำหรือไม่ เพราะราคารับจำนำได้กำหนดไว้สูงกว่าราคาตลาด จึงต้องแก้ไขด้วยการเร่งระบายข้าวเก่า 4-5 ล้านตัน ให้ได้อย่างต่ำ 50% เพื่อให้ได้เงินหมุนเวียนขั้นต่ำ 50,000 ล้านบาท ก่อนกลางเดือนพฤศจิกายนที่จะมีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารข้าวทั้งระบบ ที่แต่งตั้งโดยนายสมัคร สุนทรเวช ได้ทำหนังสือถึงนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 16 กันยายน 2551 ในหนังสือระบุว่า การปรับ ครม.ใหม่ กระทบต่อคณะกรรมการในด้านประสิทธิภาพการแก้ไขและบริหารจัดการเรื่องข้าวตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งได้แต่งตั้ง 3 คณะกรรมการย่อย เพื่อดูแลด้านรับจำนำ แปรสภาพ และจำหน่ายข้าวในสต๊อค ซึ่งเห็นควรให้รัฐมนตรีพาณิชย์ เข้าบริหารจัดการงานข้าวอำนาจ พ.ร.บ.ค้าข้าว อย่างที่เคยปฏิบัติกันมา

นอกจากนี้ ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ธ.ก.ส.จะมีการโอนสต๊อคข้าวปี 2551 ทั้งหมดให้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งยอดรับจำนำ ธ.ก.ส.และ อ.ต.ก. รวมกันประมาณ 1.1 ล้านตัน ที่เหลือรับจำนำโดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) 2.8 ล้านตัน รวมทั้งสิ้น 3.9 ล้านตัน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าควรเร่งระบายข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาจากโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ที่มีอยู่ในขณะนี้ จำนวน 3 ล้านกว่าตัน เพื่อนำมาใช้เป็นทุนในการดำเนินการรับจำนำข้าวนาปีที่จะมาถึง แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนว่า ข้าวที่จะต้องระบายออกไปนอกประเทศเท่านั้น ไม่มีการนำมาหมุนเวียนภายในประเทศอีก เพราะไม่เช่นนั้นจะมาฉุดราคาข้าวในประเทศให้ต่ำลงอีก และการระบายก็ต้องไม่ผูกขาดกับพ่อค้ารายใดรายหนึ่ง รูปแบบต้องโปร่งใสเพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดคำครหา

ส่วนกรณีที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่าต้องการจะโอนงานรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้คงจะต้องนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) อีกครั้ง แต่ส่วนตัวเห็นว่า ระบบงานที่วางไว้ในช่วงการรับจำนำข้าวนาปรังที่

ให้ ธ.ก.ส.เป็นแม่งาน มีความรอบคอบดีอยู่แล้ว

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยกรณีบริษัทประกันภัยปฏิเสธรับประกันภัยน้ำท่วมข้าวที่เก็บไว้ในคลังของ อคส.ว่า คปภ.ทำหนังสือสอบถามสาเหตุที่บริษัทประกันภัยปฏิเสธทำประกันภัยน้ำท่วมกับ อคส.แล้ว และได้รับคำตอบว่า สาเหตุที่ต้องปฏิเสธ เพราะ อคส.เป็นหนี้ค้างชำระกับบริษัทประกันภัยหลายแห่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมเป็นเงินหลายสิบล้านบาท กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกจึงไม่กล้ารับประกัน และเห็นว่าพื้นที่ที่ อคส.ต้องการทำประกันอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเป็นส่วนใหญ่ อาจทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุน

นางจันทรากล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอที่ให้รัฐมนตรีพาณิชย์และรัฐมนตรีคลังหาทางเคลียร์ปัญหา ให้บริษัทประกันภัยยอมรับทำประกันความเสี่ยงข้าวของรัฐนั้น คงเป็นไปได้ยากเนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างภาครัฐกับเอกชน ซึ่งรัฐคงเข้าไปสั่งหรือบังคับไม่ได้

ที่มา มติชน