ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า นายกฯ เห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวนาปี ช่วงเวลาการผลิตปี 2551/2552 จะหารืออีกครั้งหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกฯจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เร็วๆ นี้ เพื่อกำหนดแนวทางการรับจำนำข้าว วิธีการดำเนินการ รวมทั้งแนวทางระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐ 2.1 ล้านตัน และข้าวนาปรังปี 2551 อีก 2.2 ล้านตัน

"การกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปีที่เดิมกำหนดราคา 1.4 หมื่นบาทต่อตัน นั้น จะมีการพิจารณาทบทวนราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป รวมทั้งปรับเป้าหมายปริมาณการรับจำนำ และวงเงินที่จะใช้ในโครงการ "

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า กรมส่งเสริมการส่งออกรายงานว่า มีหลายประเทศสนใจสั่งซื้อข้าวจากไทยจำนวนมาก และประมาณกลางเดือนต.ค. นี้ จะเดินทางไปเจรจาขายข้าวประเทศอิหร่านที่ต้องการนำเข้า 9 แสนตัน-1.1 ล้านตัน

ส่วนการระบายข้าวสต็อกรัฐ เบื้องต้นจะรอให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการระบายข้าว พิจารณาราคาเสนอซื้อข้าวที่เอกชนส่งเข้ามา เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ก่อนอนุมัติการระบายข้าวให้เอกชนที่เสนอราคาเป็นที่น่าพอใจ ภายใต้เงื่อนไขการส่งออกต่างประเทศ

นายไชยา กล่าวว่า การกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปีไม่ควรต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาท เพราะหากกำหนดราคาต่ำจะกดราคาข้าวในสต็อกรัฐบาลให้ขายขาดทุนทันที เช่น หากกำหนดราคาจำนำตันละ 1.3 หมื่นบาท ทำให้รัฐขาดทุนตันละ 1 พันบาท ข้าว 2 ล้านตันขาดทุน 2 พันล้านบาท แต่ทั้งหมดต้องให้ กขช.ตัดสิน โดยจะประชุมทันทีหลังจากแถลงนโยบาย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เขาต้องการให้รัฐเปรียบเทียบระหว่างการระบายข้าว ที่อาจขาดทุนไม่กี่พันล้านบาท กับการจำนำข้าวราคาที่สูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท จะทำให้รัฐต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาท เพื่อนำข้าวจากชาวนามาเก็บไว้ในสต็อกและรอวันที่จะต้องระบายออกในราคาต่ำ

”การรับจำนำข้าวราคาสูงๆ ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้จนถึงปีหน้าไม่มีโอกาสใดเลย ที่ข้าวจะราคาสูงขึ้นอีก ยกเว้นเกิดภัยพิบัติ เพราะราคาข้าวที่สูงก่อนหน้านี้ จูงใจให้มีการผลิตข้าวจำนวนมาก หากรัฐบาลยังให้ราคาข้าวสูงต่อไป ก็เป็นการส่งสัญญาณผิดให้ชาวนายิ่งผลิตออกมามาก ทั้งที่ราคาตลาดไม่ได้สูงอย่างที่คิดแล้ว”

นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือก 5% ขณะนี้เฉลี่ยที่ตันละ 1.1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงมาต่อเนื่อง เพราะต่างประเทศไม่มีความต้องการซื้อ เนื่องจากตลาดรอความชัดเจนการระบายข้าวสต็อกรัฐกว่า 4 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าราคาอาจลดลงอีก แม้รัฐบาลจะกำหนดราคาจำนำสูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท แต่ก็ไม่ช่วยให้ราคาในตลาดสูงขึ้น เพียงการพยุงราคาไม่ให้ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น

”ให้ราคารับจำนำสูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท ก็ดึงราคาในประเทศไม่ไหว ตอนนี้ต่างประเทศยังไม่ต้องการข้าวมาก และรัฐบาลบอกทุกวันว่าจะระบายข้าวในสต็อก ต่างประเทศก็รอดูและจะบี้เอาของถูกให้ได้ “นายวัฒนา กล่าว

นายประสิทธิ บุญเฉย รักษาการนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะลดราคารับจำนำข้าว เพราะจะทำให้ชาวนาถูกกดราคารับซื้อ และเกษตรกรรายย่อยที่ทำนาไม่ถึง 20 ไร่อยู่ได้ลำบาก เพราะตอนนี้ต้นทุนเพาะปลูกเพิ่มเป็นไร่ละ 7,070 บาท ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐประกาศจำนำตันละ 1.4 หมื่นบาทแต่ชาวนาได้รับเงินจริงไม่ถึง ถูกหักค่าความชื้นเหลือตันละ 1.2 หมื่นบาทเท่านั้น หากกำหนดราคาต่ำต้องมีมาตรการช่วยเหลือ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ