www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"โอฬาร"เล็งตั้ง"กขช."ใหม่ กำหนดราคา-วิธีจำนำข้าว


เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลข้าว เพื่อรับทราบปัญหาและหารือถึงแนวทางในการแก้ไขเรื่องข้าวทั้งระบบ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

นายสมชายกล่าวภายหลังการประชุมว่า เรียกผู้เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมข้อมูลและมาตรการรองรับ หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อฐสภาระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม ในวันรุ่งขึ้นจะได้ทำงานได้เลย โดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกฯเป็นประธาน จะเป็นผู้ดูแลปัญหาต่างๆ

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการหารือว่า หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา และนายกฯได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง กขช. และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ชุดใหม่แล้ว จะมีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการข้าวที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีกลยุทธ์อย่างไร แต่ยืนยันว่าจะมีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดู 2551/2552 ที่จะเริ่มในวันที่ 16 ตุลาคมนี้อย่างแน่นอน ส่วนราคาและวิธีการรับจำนำ จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

นายโอฬารกล่าวว่า ขณะนี้มีหลายประเทศให้ความสนใจติดต่อขอซื้อขายจากไทยจำนวนมากหลังจากที่ได้ กขช.ชุดใหม่แล้ว จะมีการหารือกันถึงเรื่องการระบายข้าวว่าจะมีกลยุทธ์และวิธีการอย่างไร เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แต่วิธีการที่เหมาะสมขณะนี้ คือให้เอกชนรับหน้าที่ในการส่งออกเป็นหลัก ส่วนรัฐบาลจะเป็นฝ่ายเข้าไปส่งเสริม ซึ่งการเจรจาก็คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์

"การระบายข้าว เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ เพื่อจะได้เกิดการหมุนเวียน ไม่เกิดภาวะสต๊อคตาย แต่การระบายก็ต้องดูเป็นกรณีไป เพราะเงื่อน ไขของแต่ละประเทศที่ติดต่อมาไม่เหมือนกัน บางประเทศก็ต้องการตกลงแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) บางประเทศก็ต้องการแบบอื่น ส่วนกลไกก็คงใช้แบบเดิม แต่การระบายคงจะไม่ใช่แบบล็อตใหญ่ทีเดียว ต้องดูจังหวะให้ดีด้วย ต้องมีทีโออาร์ ไม่มีการส่งซิกให้กับเอกชนรายใด จะดูแลให้มีความโปร่งใสมากที่สุด" นายโอฬารกล่าว

ด้านนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เหตุผลที่ยังไม่ประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551-2552 เพราะไม่ต้องการให้พ่อค้าคนกลางเข้ามาหาผลประโยชน์โดยไปกว้านซื้อข้าวจากชาวนาในราคาต่ำ เพื่อนำมารับจำนำในราคาสูง ส่วนการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวนาปีทั้งหมด คงจะกลับมาอยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนหน่วยงาน 3 ชุดในรัฐบาลชุดที่แล้ว ทั้งการรับจำนำ แปรสภาพ และการระบาย ก็คงไม่มีอีกแล้ว

"เข้าใจว่าภายหลังจากที่มีการตั้ง กขช. เรียบร้อยแล้ว นายกฯจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา ทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในเรื่องการระบายข้าว และการรับจำนำด้วย"

ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น นายไชยากล่าวว่า ความเห็นของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังมีความคลาดเคลื่อนกับข้อเท็จจริงหลายจุด เช่น เรื่องราคาข้าวนาปรังที่บอกว่า รัฐจะขาดทุน เนื่องจากขายข้าวได้ต่ำกว่าราคารับจำนำที่ 1.4 หมื่นบาท/ตัน ก็ไม่น่าจะเป็นไปตามนั้น เพราะราคาที่รัฐบาลจะตั้งขายคือ ไม่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำมา ก็ไม่ทราบว่าจะขาดทุนตรงไหน

"ส่วนที่เขียนเหมือนกับว่าผมไปขอเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวนาปรัง จาก 3.5 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านตัน ก็ไม่เป็นจริง เพราะผมไม่ได้ไปเสนอ แต่กระทรวงการคลังเป็นฝ่ายเสนอ เรื่องนี้ผมคงไม่ไปตอบโต้อะไรหรอก เพราะผมเป็นเด็ก ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว"นายไชยาระบุ

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ระหว่างการหารือ นายสมชายได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีความห่วงใยเรื่องข้าวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล และช่วงที่ผ่านมาการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ก็ไม่ค่อยเป็นไปในทิศทางด้วยกัน ต่างคนต่างพูด จึงอยากจะให้มานั่งคุยพร้อมกันทุกฝ่ายเพื่อที่จะมีความเข้าใจตรงกัน ส่วนราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี คงจะไม่ต่ำกว่าราคารับจำนำข้าวนาปรังที่กำหนดไว้ 1.4 หมื่นบาท/ตัน อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่นายไชยาระบุว่ายังไม่ประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/ 2552 นั้น น่าจะคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 ตามที่ กขช. เสนอ โดยจะรับจำนำปริมาณ 8 ล้านตัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551-28 กุมภาพันธ์ 2552 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน นับจากวันจำนำ พร้อมอนุมัติวงเงิน 11,016.124 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินงาน

ทั้งนี้ ทาง กขช.กำหนดราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวคละตันละ 9,000 บาท ในระดับความชื้นไม่เกิน 15%

ที่มา มติชน

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.