นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับการติดต่อซื้อข้าวขาวจากผู้นำเข้าเอกชนในประเทศไลบีเรียปริมาณ 20,000 ตัน และการติดต่อซื้อข้าวจากโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) ปริมาณ 60,000 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วโลก ซึ่งการขอซื้อข้าวดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหา การบริหารจัดการข้าวครบวงจร ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว กำหนดจะประชุมในวันที่ 9 ก.ค.นี้
"การระบายข้าวต้องพิจารณาให้รอบด้าน ยอมรับว่าถ้ามีการระบายข้าวรัฐออกมา จะกระทบต่อราคาในตลาด แต่คิดว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพราะรัฐจะพิจารณาระบายหรือไม่ ตามกำหนดเวลาและปริมาณที่เหมาะสม" นายวิรุฬกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่โรงสีผู้รับฝากเก็บข้าวของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา บางแห่งขอปรับขึ้นค่าฝากเก็บกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) โดยอ้างว่าต้นทุนการเก็บรักษาข้าวสูงขึ้นนั้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งให้อคส.ดำเนินการตามสัญญาเดิม เพราะในขณะที่มีการลงนามพันธะตามสัญญา ผู้ประกอบการโรงสีได้พิจารณารอบคอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาตามที่มีการร้องขอแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ฝากเก็บไว้กับโรงสี มีตั้งแต่ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2547/2548 จนถึงนาปี ปี 2550/2551 ปริมาณรวม 5 แสนตันข้าวสาร และ 8.3 แสนตันข้าวเปลือก มีโรงสีที่ฝากเก็บข้าวอยู่ 50 แห่ง ใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ตามที่คณะสายตรวจพิเศษของกระทรวงพาณิชย์ ได้ตรวจสต็อกข้าวรัฐปริมาณ 2.1 ล้านตัน พบว่า บางส่วนเริ่มเสื่อมสภาพ จึงเห็นว่าควรระบายออก ขณะที่ข้าวในส่วนอื่นๆ ยังอยู่ในสภาพดีไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องรีบระบายออกจากสต็อกแต่อย่างใด
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|