www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"ไชยา"เล็งขายข้าวรัฐยกล็อต 2 ล้านตัน


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าวันที่ 11 ส.ค.นี้ จะเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกรณีขอการจัดการข้าวมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร และต้องการให้นายกฯ ยุบรวมคณะกรรมการข้าวจัดการข้าวทั้ง 3 คณะให้เป็นคณะเดียว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน หรือคนในกระทรวงเป็นประธาน
คณะกรรมการเดิม 3 ชุด ได้แก่ 1) คณะกรรมการรับจำนำ มีนายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธาน 2) คณะกรรมการแปรสภาพและจัดเก็บข้าว มีนายสุทัศน์ สุทันกิตระ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ 3) คณะกรรมการจัดจำหน่ายและระบายข้าว มีนายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แต่ยังคงคณะกรรมการบริหารจัดการข้าวครบวงจร ที่มีนายกฯ เป็นประธานไว้เหมือนเดิม

เล็งยกข้าวรัฐ2ล้านตันให้เอกชน

นอกจากนี้ จะหารือถึงการเร่งระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน และข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 ซึ่งกำลังเปิดรับจำนำอยู่ขณะนี้ เพื่อเตรียมพื้นที่เก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 2551/2552 โดยคิดว่าหากมีการรับจำนำราคาต้องไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 14,000 บาทสำหรับข้าวเจ้า ส่วนข้าวหอมมะลิราคาจะสูงกว่าตามสัดส่วน

“ข้าวในสต็อกรัฐบาลต้องระบายออกแน่ เพราะยิ่งเก็บไว้ยิ่งเสื่อมคุณภาพ ราคาตกลงเรื่อยๆ แต่ละปีราคาตกลง 10 ดอลลาร์ต่อตัน โดยจะมีทั้งขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และเปิดให้เอกชนประมูล แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับจีทูจี เพราะรัฐจะเจ็บตัว บางครั้งผู้ซื้อก็ชักดาบ รัฐเสียหาย ผมว่าน่าจะให้เอกชนประมูลดีกว่าโดยกำหนดราคาขั้นต่ำ"

อีกทั้งอาจจะขายให้เอกชนรายเดียวทั้งล็อต เพราะถ้าแบ่งย่อยหลายราย ทำให้ผู้ส่งออกขายต่างประเทศตัดราคากันเอง แต่ถ้าขายรายเดียวควบคุมราคาส่งออกได้ง่ายกว่า โดยคาดปลายเดือนนี้น่าจะเริ่มเปิดประมูลได้

ถก 5 เสือค้าข้าวกันราคาร่วง

สำหรับราคาข้าวไทยในขณะนี้ลดลงกว่าช่วงที่ผ่านมามาก โดยราคาข้าวเจ้าซื้อขายอยู่ที่เกวียนละ 12,000-13,000 บาท ราคารับจำนำเกวียนละ 14,000 บาท เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะเดียวกันประเทศคู่แข่งก็มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และมีการขายตัดราคาในตลาดโลก
นายไชยา กล่าวว่า เร็วๆ นี้ จะเชิญบริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 ราย หรือกลุ่ม 5 เสือ ได้แก่ บริษัทนครหลวงค้าข้าว บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ์ บริษัทพงษ์ลาภ บริษัทข้าวชัยพร และบริษัทไทยฟ้า มาหารือว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร หรือ มีวิธีการช่วยเหลืออย่างไรไม่ให้ราคาข้าวตกต่ำลง
โรงสีค้านหวั่นราคาตก

นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า การที่นายไชยา มีแผนจะระบายสต็อกข้าวแบบยกล็อตให้เอกชนรายเดียวที่ให้ราคาสูง นั้น จะไม่กระทบกับราคาตลาด เพราะผู้ซื้อข้าวรายใหญ่สามารถควบคุมตลาดข้าวได้ หากขายให้รายเดียว

อย่างไรก็ตามต้องระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้เกิดการผูกขาดตลาดข้าวเหมือนกับในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 ที่มีการขายให้บริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง เพียงรายเดียว และในที่สุดบริษัทก็มีปัญหา

นอกจากนี้การระบายข้าวรัฐบาลช่วงนี้ ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากราคาตลาดข้าวลดต่ำลงมาก โดยข้าวเปลือกขาวราคาเฉลี่ย 1.1 หมื่นบาทต่อเกวียน หากระบายข้าวอาจทำให้ราคาตลาดตกต่ำลงมากกว่านี้

ผู้ส่งออกข้าวห่วงส่งออกครึ่งหลัง

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวช่วงครึ่งปีหลังว่า ยังต้องเผชิญกับภาวะซบเซาเนื่องจากประเทศผู้ซื้อหลายแห่งสต็อกข้าวไว้ บางแห่งมีสต็อกเกิน ทำให้ปริมาณการซื้อขายไม่สูงเหมือนต้นปีที่ผ่านมา โดยปริมาณส่งออกครึ่งปีหลังจะลดลง 20-30%เฉลี่ยส่งออกเดือนละ 6.5 แสนตัน แต่เมื่อรวมการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ที่ส่งออกปริมาณ 6,864,731 ตัน เพิ่มขึ้น 46.07% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มั่นใจการส่งออกข้าวปี 2551 จะมีปริมาณสูงสุดประวัติการณ์อีกปีหนึ่งคือ 10 ล้านตันได้แน่นอน

สถานการณ์ความวิตกเรื่องวิกฤตอาหารโลกผ่อนคลายลง สต็อกข้าวในหลายประเทศมีเกินจำนวน หลังจากที่เร่งซื้อไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งเวียดนามเริ่มส่งออกข้าวและกำหนดราคาในระดับต่ำ เพราะค่าเงินด่องลดลง และความพยายามลดราคาสินค้าอาหารเพื่อลดความกดดันเงินเฟ้อในประเทศ ทำให้ราคาข้าวเวียดนามในปัจจุบันเฉลี่ยต่ำกว่าตันละ 600 ดอลลาร์ ต่ำกว่าข้าวไทยที่อยู่ในระดับตันละ 700 ดอลลาร์ ทำให้การแข่งขันข้าวของไทยในตลาดโลกลำบากขึ้น

คาดข้าวโลกปี2552เพิ่ม10ล้านตัน

นายชูเกียรติ กล่าวว่าจากราคาข้าวที่สูงขึ้นมากเกือบเท่าตัว ขณะนี้ทำให้มีการปลูกข้าวมากขึ้นทั้งในส่วนประเทศผู้ส่งออก เช่น เวียดนาม ไทย และประเทศผู้ซื้อ คาดการณ์ว่าปี 2552 ปริมาณผลผลิตข้าวโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณการค้าข้าวในโลกลดลงจาก 29-30 ล้านตัน เหลือ 27 ล้านตันในปี 2552 ส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยคาดจะส่งออกได้เพียง 8.5 ล้านตัน แต่ต้องติดตามปัจจัยด้านสภาพอากาศ ประเทศผู้ส่งออกรายอื่นๆ โดยเฉพาะอินเดียว่าจะกำหนดทิศทางการส่งออกข้าวอย่างไร ทั้งนี้ทั้งสองปัจจัยจะมีผลต่อระดับราคาและปริมาณการค้าข้าวของโลก

ดังนั้นการส่งออกข้าวปีหน้าจะอยู่ในภาวะลำบาก ผู้ส่งออกต้องรอดูนโยบายรัฐบาลว่า จะสนับสนุนการส่งออกมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่ผู้ส่งออกกังวลที่สุด คือ นโยบายการรับจำนำของรัฐบาล ล่าสุดกำหนดราคารับซื้อสูงถึงตันละ 1.4 หมื่นบาท ทำให้การส่งออกดำเนินการได้ยากลำบาก หากรัฐยังใช้แนวทางการรับจำนำข้าวในราคาสูง

ขณะเดียวกันข้าวนาปีที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเดือนพ.ย.นี้ ก็จะยิ่งทำให้การส่งออกยากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ข้าวเข้าสู่สต็อกของรัฐบาล เพราะราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด ส่งผลให้รัฐแบกภาระสต็อกข้าว ที่คาดว่าจะถึง 5-6 ล้านตัน ส่งผลต่อระดับราคาที่ไม่สามารถเพิ่มสูงขึ้นได้ เพราะตลาดไม่จำเป็นต้องแย่งซื้อ เนื่องจากมั่นใจว่าไทยจะมีการส่งออกข้าวออกสู่ตลาดได้อย่างแน่นอน

เตือนอย่าตั้งราคาจำนำข้าวสูง

นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า สมาคมฯจะขอเข้าพบ นายไชยา เพื่อรายงานสถานการณ์ข้าวให้รับทราบ เพราะเกรงว่ารัฐบาลจะประกาศโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ที่จะเริ่มเดือนพ.ย.นี้ และมีการกำหนดราคาจำนำที่สูงเกินกว่าราคาตลาดจนเกินไป ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ยาก โดยต้องการให้ภาครัฐกำหนดราคารับจำนำไม่เกินตันละ 1 หมื่นบาท

"เราคงไม่ได้เห็นราคาข้าวขึ้นไปสูงสุดที่ตันละ 1 พันดอลลาร์ อีกนาน เพราะภาวะข้าวได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

โดยประเทศทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้าและผู้ส่งออกต่างเร่งเพิ่มผลผลิตข้าวในประเทศตัวเอง ทำให้การค้าข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง และที่ผ่านมาก็มีการสต็อกข้าวไว้มาก ทำให้ครึ่งปีหลังออเดอร์ข้าวเข้ามาไทยน้อยมาก ส่งผลต่อเนื่องไปยังราคาข้าวเปลือกภายในประเทศปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ตันละ 1.2 หมื่นบาท ต่ำกว่าราคารับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2551 ที่รัฐบาลประกาศแทรกแซงไว้ที่ตันละ 1.4 หมื่นบาท" นายชูเกียรติ กล่าว

หนุนรัฐขายข้าวจีทูจี

นายชูเกียรติ กล่าวว่า เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายจะดึงงานข้าว จากสำนักนายกรัฐมนตรีมาดูแลเอง เพราะเป็นงานที่กระทรวงพาณิชย์มีความเชี่ยวชาญมากกว่า และไม่คัดค้านกรณีที่รัฐบาลจะนำข้าวในสต็อก 2.1 ล้านตัน มาระบายผ่านระบบรัฐต่อรัฐ แต่ต้องเป็นตลาดข้าวที่เอกชนเข้าไม่ถึง เช่น ตลาดอิหร่าน เกาหลีเหนือ ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องนำเข้าข้าวจากไทย แต่ประสบปัญหาระบบการชำระเงิน เพราะประเทศกลุ่มนี้ถูกสหรัฐคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จำเป็นที่จะซื้อขายผ่านจีทูจี และไม่กระทบต่อตลาดข้าวภาพรวมในประเทศ
"เรื่องจีทูจี เอกชนไม่ขัดข้อง แต่ต้องดูจังหวะที่เหมาะสม และต้องขายให้กับประเทศที่เอกชนเข้าไม่ถึง จะเป็นผลดีต่อภาครัฐและเอกชน เพราะตลาดกลุ่มนี้จะไม่กระทบกับราคาข้าวในตลาด" นายชูเกียรติ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.