นครหลวงค้าข้าวนำโด่งส่งออกข้าวรอบปี 2550 ปริมาณ 1.67 ล้านตัน เอเชียโกลเด้นท์ไรซ์รั้งเบอร์2 "พงษ์ลาภ"มาแรงติดท็อปไฟว์ ขณะที่เพรซิเดนท์ฯ-เกษตรรุ่งเรือง หลุดวงจรท็อปเท็น "สมพงษ์ กิติเรียงลาภ"บิ๊กพงษ์ลาภเผยปีที่ผ่านมาค้ามากขาดทุนมาก ส่วนปีนี้คาดแตะระดับ 5 แสนตันเพราะมีข้าวที่ประมูลจากรัฐบาลอยู่ในมือเกือบ4 แสนตัน
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยสถิติ 10 บริษัทส่งออกข้าวรอบปี 2550 ( มกราคม-มิถุนายน) ว่ามีความเปลี่ยนแปลงหลายประการ ได้แก่บริษัทที่เคยติดอันดับท็อปเท็นส่งออกของวงการได้หลุดออกไป ขณะเดียวกันมีบริษัทน้องใหม่ที่ไม่เคยติดอันดับสามารถขึ้นมาอยู่แถวหน้าระดับท็อปไฟว์ โดยบริษัทส่งออกข้าว 10 อันดับที่ทำยอดส่งออกได้สูงสุดอันดับ1 ได้แก่บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด ปริมาณส่งออก 1,671,783 ตัน อันดับ2 บริษัท เอเชียโกลเด้นท์ไรซ์ 1,530,222 ตัน 3. บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด 689,213 ตัน 4. บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด 523,633 ตัน
อันดับ 5. บริษัท ไทยฟ้า (2511) จำกัด 389,293 ตัน 6. บริษัท กมลกิจ จำกัด 380,629 จำกัด 7. บริษัท ไรซ์แลนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 379,330 ตัน 8. บริษัท ไทยมาพรรณเทรดดิ้ง จำกัด 362,615 ตัน 9. บริษัท ซีพีอินเตอร์เทรด จำกัด 357,573 ตัน 10. บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด 312,900 ตัน
ทั้งนี้จากท็อปเท็นบริษัทส่งออกข้าวปี 2550 จะเห็นได้ว่าไม่ปรากฏชื่อบริษัทที่เคยติด 1 ใน 10 อันดับของวงการส่งออกข้าวไทยอาทิบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริเทรดดิ้ง จำกัด ที่เคยผงาดขึ้นสู่อันดับ 1 เมื่อปี 2547 และครึ่งแรกของปี 2550 ยังคงติดอยู่อันดับ 4 บริษัท เกษตรรุ่งเรืองพืชผล จำกัด ซึ่งในช่วงปี 2545 ยังคงรั้งอันดับ2 ของวงการ แต่ปี2547 บริษัท เกษตรรุ่งเรืองพืชผล จำกัดร่วงลงมาอยู่อันดับ 10 และหายไปจากท็อบเท็นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว กล่าวว่าเป็นบริษัทที่น่าจับตาถึงทิศทางการทำธุรกิจมากที่สุดในวงการค้าข้าวน่าจะเป็นบริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด ที่ปัจจุบันนายวรพงศ์ พิชญ์พงศ์ศา ได้ผ่องถ่ายให้ทายาทคือนายวัลลภ พิชญ์พงศ์ศา เข้ามาดูแลมากขึ้น คลื่นลูกใหม่ของกลุ่มนครหลวงค้าข้าว จะรักษาแชมป์ของวงการได้เพียงใด ขณะเดียวกันอันดับ 2 บริษัทเอเชียโกลเด้นท์ไรซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการโรงสีข้าว และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอีกกลุ่มที่น่าติดตาม
นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯสามารถทำยอดส่งออกปี 2550 ได้ปริมาณถึง 523,633 ตัน เพราะมีออเดอร์จากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และอิหร่านเข้ามาค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะว่าปีที่ผ่านมาประเทศผู้ส่งออกหลายประเทศเช่นเวียดนาม อินเดีย หยุดส่งออกจึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามายังประเทศไทยมาก อย่างไรก็ดีปีที่แล้วการค้าข้าวยิ่งทำการค้ามากยิ่งขาดทุนมาก เพราะทุกบริษัทมีออเดอร์อยู่ในมือจึงมาแข่งขันกันซื้อข้าวสารในประเทศ จนราคาข้าวในประเทศขยับสูงขึ้นสูงกว่าราคาที่รับคำสั่งซื้อไว้ ทำให้ต้องขาดทุนไปตามๆ กัน
สำหรับปีนี้ บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าจะต้องอยู่ในระดับท็อบไฟว์หรือท็อปเท็น แต่คิดว่าปริมาณการส่งออกคงอยู่ที่ระดับ 500,000 ตัน เนื่องจากบริษัทมีข้าวที่ประมูลซื้อจากรัฐบาลเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ในมือขณะนี้ประมาณ 400,000 ตัน คาดว่าจะส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนครึ่งปีหลังจะค้าปกติแต่ไม่มาก
"ราคาข้าวปีนี้เคลื่อนไหวหวือหวามาก การแข่งขันสูง โอกาสเสี่ยงขาดทุนมีสูง ดังจะเห็นได้จากเพียงช่วงเวลาเดือนเศษราคาข้าวทุกชนิดขึ้นสูงตันละเกือบ 3,000 บาท เช่นข้าวหอมปทุมจากตันละ 14,000 บาท เป็นตันละ 17,000 บาท ข้าวหอมมะลิจากตันละ 18,000 บาท เป็นตันละ 21,000 บาท ข้าวขาวจากตันละ 10,600 บาท เป็นตันละ 13,000 บาท ปลายข้าวหอมมะลิจากตันละ 10,200 บาท เป็นตันละ 13,000 บาท เป็นต้น"
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
|