นางสาวกรองทิพย์ ธนถาวรลาภ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ข้าวแสนดี จำกัด ผู้จำหน่ายข้าวถุงยี่ห้อแสนดี เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ผู้บริโภคคนไทยเริ่มวิตกกังวลเรื่องราคาข้าวเปลือกที่ขยับขึ้นทุกวัน ทำให้ราคาข้าวสารบรรจุถุงแพงขึ้นอีก จึงแห่กันไปซื้อข้าวถุงเก็บไว้ล่วงหน้า ทำให้ข้าวสารบรรจุถุงหลายยี่ห้อในช่องทางโมเดิร์นเทรด ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาท์สโตร์ต่างๆ ขาดตลาด แม้ว่าทางผู้ประกอบการค้าปลีกจะมีการจำกัดจำนวนซื้อ
“ในส่วนของข้าวแสนดีเองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ส่งสินค้าไปวางบนเชล์ฟไม่ทัน ทำให้สินค้าขาดสต็อก (out of stock) ในบางช่วง เพราะความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่มีสต็อกเพียงพอที่จะป้อนให้กับคู่ค้าทุกราย“
นางสาวกรองทิพย์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ภายหลังจากที่เคยเกิดเมื่อปี 2542 ที่เกิดปัญหาการขาดแคลนข้าว แต่ยังไม่รุนแรงเหมือนกับครั้งนี้ เนื่องจากสต็อกข้าวทั่วโลกลดลงพร้อมกัน เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางดินฟ้าอากาศทำให้ผลผลิตเสียหายและมีปริมาณลดลง ขณะเดียวกันพื้นที่การเพาะปลูกข้าวน้อยลง เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชพลังงานเพื่อนำไปทำไบโอดีเซล หรือ เอทานอลทดแทนการใช้น้ำมันที่มีราคาแพงขึ้นถึงบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์
ดังนั้นทางบริษัทจึงได้เตรียมแผนรับมือ ด้วยการบริหารจัดการสต็อกข้าวให้ถี่ขึ้นจากเดิม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สินค้าขาดสต็อก พร้อมกันนั้นได้ส่งข้าวสารบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัมออกมาวางจำหน่ายเพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ ตามไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตที่นิยมบริโภคข้าวลดลง เพราะหันไปทานนอกบ้านเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้จะแตกแบรนด์ข้าวบรรจุถุงยี่ห้อใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อด้วยการสร้างคุณค่าเพิ่มเร็วๆ นี้ ขณะที่แบรนด์ข้าวแสนดีจะจับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงล่าง สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีไว้ที่ 3 หมื่นตันเท่ากับปีก่อน
แจงห้างสั่งน้อยข้าว 'ขาด' เชล์ฟ
นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการปฏิบัติการ บริษัท เจีย เม้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวถุงภายใต้แบรนด์ หงษ์ทอง กล่าวยอมรับว่าข้าวหงษ์ทองในช่องทางโมเดิร์นเทรดต่างๆ มีปริมาณลดลงจากเชล์ฟเหมือนกับว่าสินค้าขาดตลาด แต่จริงๆ แล้วเกิดจากการที่ห้างสั่งซื้อข้าวหงษ์ทองลดลงเป็นจำนวนมาก เพราะบริษัทไม่สามารถจะขายข้าวในราคาเดิม ยกตัวอย่างข้าวหอมมะลิถุงขนาด 5 กิโลกรัม ห้างต้องการให้ขายที่ราคา 130 บาทต่อถุง ซึ่งเป็นราคาตั้งแต่เดือนต.ค. ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันต้นทุนราคาข้าวขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายให้สูงขึ้นเป็น 150-155 บาทต่อถุง
"จึงทำให้ข้าวถุงหงษ์ทองหายไปจากเชล์ฟตามห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรดหลายแห่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเรามีสต็อกข้าวน้อยลง เพียงแต่ว่าเราหันไปขายข้าวตามร้านค้าย่อยและตลาดสดมากขึ้น”
นายวัลลภ กล่าวยืนยันว่าปริมาณข้าวในประเทศยังมีเพียงพอให้แก่ผู้บริโภคคนไทย ไม่ถึงขั้นขาดแคลนอย่างที่มีการคาดการณ์กัน ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อข้าวตุนไว้ เพราะทำให้เกิดการปั่นราคาข้าวขึ้นได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |