นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้หารือกับผู้ส่งออกข้าว 5 รายใหญ่ของไทย ประกอบด้วย บริษัทนครหลวงค้าข้าว, บริษัทเอเชีย โกลเด้น ไรซ์, บริษัท พงษ์ลาภ ,บริษัท ข้าวชัยพร และบริษัท ไทยฟ้า เบื้องต้นได้เสนอแนวทางที่จะให้ผู้ส่งออกทั้ง 5 ราย เข้ามาซื้อข้าวในสต็อกรัฐบาลราคาเดียว ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเพื่อเคลียร์สต็อกให้พร้อมรับจำนำข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ในเดือนพ.ย.นี้

ทั้งนี้ข้าวในสต็อกของรัฐ ที่จะระบายมีทั้งส่วนของข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำนาปรังปี 51 ที่คาดว่าจะมีข้าวในโครงการประมาณ 2.5 ล้านตัน

“ได้คุยกับ 5 เสือผู้ส่งออกให้เข้ามาเจรจาซื้อข้าวกับภาครัฐ โดยจะตั้งราคาขายเป็นราคาเดียวกัน เช่นข้าวเปลือกใหม่ที่ได้จากโครงการรับจำนำนาปรัง เห็นว่าราคาขายควรอยู่ที่ตันละ 1.45 หมื่นบาท ซึ่งไม่ทำให้รัฐบาลขาดทุน จากราคาที่ได้รับจำนำกับเกษตรกรไว้ที่ 1.4 หมื่นบาท และยังช่วยดึงราคาตลาดของข้าวนาปีที่จะออกมาช่วงเดือนพ.ย.ให้สูงขึ้นตามด้วย” นายไชยา กล่าว

ส่วนการกำหนดราคาข้าวสต็อกเก่า 2.1 ล้านตัน จะขายตามสภาพในราคาเดียวกันหมดเช่นกัน โดยราคาแต่ละปีจะแตกต่างกันไป เพราะต้องยอมรับว่าข้าวยิ่งเก็บนาน จะเสื่อมสภาพ ราคายิ่งตก โดยทุก 1 ปีราคาข้าวจะตกลงไปประมาณตันละ 10 ดอลลาร์ ซึ่งเชื่อว่าเอกชนจะสนใจเข้าเจรจาซื้อข้าวกับรัฐบาล เพราะจะมีข้อเสนอจูงใจอื่น เช่น การพ่วงคำสั่งซื้อที่รัฐบาลได้รับออเดอร์จีทูจี เบื้องต้นคำสั่งซื้อจีทูจีขณะนี้มีอยู่ประมาณ 6-7 แสนตัน

“มีหลายวิธีจูงใจที่จะให้เอกชนยอมซื้อข้าวในราคาที่รัฐบาลกำหนด ถ้าเอกชนรายใดยอมซื้อข้าวปีใหม่ ในราคาตามกำหนด อาจพ่วงข้าวเก่าในสต็อก 2.1 ล้านตัน และให้ออเดอร์จีทูจีด้วย ซึ่งไม่กลัวผู้ส่งออกข้าวรายเล็กโวยวาย โดยจะเปิดโอกาสให้รายเล็กซื้อด้วยเช่นกัน หากต้องการ โดยผมจะนำประเด็นดังกล่าวเข้าไปหารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ 11 ส.ค.นี้ด้วย” นายไชยา กล่าว

นอกจากนี้ จะหารือกับนายกรัฐมนตรีให้สนับสนุนการเก็บข้าวผ่านไซโล เพราะเรื่องระบบจัดเก็บข้าวถือเป็นจุดแข็งของไทย เพราะถ้าเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนาม สาเหตุที่เวียดนามต้องขายข้าวออกมาในราคาต่ำ เนื่องจากไม่มีที่จัดเก็บ แต่หากประเทศไทยสร้างไซโลเก็บข้าว จะสามารถควบคุมการจัดการข้าวทั้งระบบได้ไม่ยากและไม่จำเป็นต้องไปขายตัดราคาแข่งกัน ส่วนการดูแลข้าวภายในประเทศนั้น คงไม่มีนโยบายเข้าไปแทรกแซง

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ