นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 9 กันยายน 2551 ได้อนุมัติโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)เสนอ โดยโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 จะเปิดรับจำนำปริมาณ 8 ล้านตันระยะเวลารับจำนำตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551- 28กุมภาพันธ์ 2552 ส่วนภาคใต้เริ่ม 1 กุมภาพันธ์-31 พฤษภาคม 2552 ระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือนนับจากวันจำนำ โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับฝากและออกใบประทวนให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับจำนำข้าวในยุ้งฉางเกษตรกร พร้อมกันนี้ได้อนุมัติวงเงิน 11,016.124 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินงาน

ทั้งนี้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีข้อสรุปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 โดยราคาจำนำกำหนดที่ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวคละตันละ 9,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวในยุ้งฉางเกษตรกรเพิ่มให้อีกตันละ 1,000 บาท โดยราคาดังกล่าวภายใต้ความชื้นไม่เกิน 15% ความชื้นสูงกว่านี้ลดลงตามลำดับ ทั้งนี้การคำนวณราคาจำนำได้นำราคาข้าวเปลือกนาปรังที่อยู่ระหว่างรับจำนำอยู่ในขณะนี้ที่ตันละ 14,000 บาท และราคาตลาดปัจจุบันเป็นฐานในการคำนวณ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม เพราะข้าวนาปีมีปริมาณมากกว่าข้าวนาปรังและคุณภาพข้าวดีกว่า

ส่วนผลผลิตได้มีการประเมินสถานการณ์ผลผลิตข้าวนาปีปี 2551/52 จะมีปริมาณทั้งสิ้น 23 ล้านตันข้าวเปลือก จำนวนนี้ชาวนาจะเก็บไว้บริโภคและทำพันธุ์ส่วนหนึ่ง เหลือขายในตลาดประมาณ 15-16 ล้านตัน คาดว่าจะมีข้าวเข้าโครงการจำนำ 50% จึงได้ตั้งเป้าหมายรับจำนำไว้ที่ 8 ล้านตัน ทั้งนี้การตั้งราคาและปริมาณจำนำข้าวดังกล่าวหากเกษตรกรนำข้าวมาจำนำครบจำนวนรัฐบาลต้องใช้งบประมาณราว 100,000 ล้านบาท

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมงบสำหรับรับจำนำข้าวครั้งนี้ไว้ประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนที่เกินจากนี้รัฐบาลต้องหางบประมาณจากสถาบันการเงินอื่นมาสนับสนุน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าราคาจำนำข้าวนาปีของรัฐบาล แม้จะเท่ากับนาปรังที่รับจำนำอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท เพราะจะไม่บิดเบือนกลไกตลาดจนเกินไป

นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธานบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด กล่าวว่าการที่รัฐบาลตั้งราคาจำนำข้าว ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคาตลาดในปัจจุบัน จะทำให้ข้าวจากมือชาวนาเข้าสู่โครงการจำนำหมด ในส่วนของผู้ส่งออกคงรับได้เฉพาะตลาดประจำที่รับซื้อข้าวคุณภาพสูงและยอมรับราคาสูงได้ ซึ่งข้าวขาวจะมีตลาดอิหร่าน อิรัก ข้าวนึ่งมีไนจีเรีย แอฟริกาใต้ ส่วนตลาดอื่นๆ คงชะลอตัวลง เพราะผู้ซื้อจะหันไปซื้อข้าวจากเวียดนาม ปากีสถาน หรืออินเดียที่ต้องดูปลายปีนี้อีกครั้งว่าจะเปิดการส่งออกหรือไม่ เขากล่าวด้วยว่าการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เพราะหากปล่อยออกมาในราคาที่ไม่ดีจะทุบราคาข้าวในตลาดโลกให้ต่ำลงได้

ด้านนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า พอใจกับราคาจำนำข้าวเปลือกนาปีที่รัฐบาลประกาศออกมา สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดขณะนี้ตันละประมาณ 10,500-11,000 บาท

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ