รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกข้าวของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี"51 ( ม.ค.-ก.พ.) ว่า มีปริมาณการส่งออกรวมทั้งสิ้น 2.01 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 852 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 28,289 ล้านบาท ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 424 เหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี"50 ปริมาณ มูลค่า และราคาส่งออกเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้น 65.4% 74.5% และ 13.7% ตามลำดับ และข้าวที่ส่งออกดังกล่าวเป็นข้าวหอมมะลิไทย 0.540 ล้านตัน มูลค่า 296 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9,916.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 27% และ 35% ของปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมดทั้งนี้ ปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวดังกล่าวคิดเป็น 23% และ 26% ของเป้าหมายการส่งออกดังกล่าว

     "เดือนมี.ค.เป็นช่วงผลผลิตข้าวฤดูหนาว-ใบไม้ผลิของเวียดนามและข้าวนาปรังของไทยออกสู่ตลาด แต่คาดว่าภาวะการแข่งขันทางการค้าและราคาจะไม่มีความรุนแรง เนื่องจากประเทศผู้นำเข้ายังมีความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อสำรองข้าวในสต๊อก โดยเฉพาะตลาดแถบภูมิภาคแอฟริกา อิหร่าน อิรัก และฟิลิปปินส์ ขณะที่อินเดียและปากีสถานส่งออกข้าวไม่มากนัก รวมทั้งเวียดนามยังคงรักษาระดับราคาข้าวและการส่งออกโดยอาจเสนอขายข้าวในการประมูลนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ปริมาณจำกัด ทำให้ข้าวของไทยมีโอกาสชนะการประมูลมากขึ้น ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปรังรุ่นแรกที่ออกสู่ตลาดจะช่วยให้ปัญหาการจัดหาข้าวของผู้ส่งออกสำหรับส่งมอบให้ลูกค้าผ่อนคลายลงและผู้ส่งออกตอบรับคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดว่าการส่งออกข้าวของไทยจะเป็นไปตามเป้าหมายกำหนดไว้" รายงานข่าวระบุ

     อย่างไรก็ตาม ในปี"51 กรมการค้าต่างประเทศมีแผนที่จะขยายตลาดข้าวไทย 3 รูปแบบ 1. การขยายตลาดข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ โดยจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเปิดตลาดค้าข้าวกับมาเลเซีย อินเดีย อิหร่าน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมทั้งติดตามแก้ไขปัญหาการส่งออกข้าว 2. การขยายตลาดข้าวในรูปแบบทั่วไป โดยจัดคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปประชาสัมพันธ์ในตลาด ญี่ปุ่น ไนจีเรีย เบนิน โกตดิวัวร์ เยเมน และซาอุดีอาระเบีย และ 3. การขยายตลาดข้าวโดยร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ ในประเทศจีนและสหรัฐ สำหรับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ เยอรมนี จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐ ฝรั่งเศส และรัสเซีย เป็นต้น ิ

ที่มา ข่าวสด