www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

นักวิชาการจี้พัฒนาตลาด สู้ความผันผวน"ราคาข้าว"

     ดร.สมพร อิศวิลานนท์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตร อธิบายสาเหตุที่ข้าวแพงว่า การลดลงของพื้นที่เพาะปลูกข้าว เป็นสาเหตุประการแรก พื้นที่เพาะปลูกข้าวของโลกและของไทยมีแนวโน้มลดลงตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผลจากราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นเหตุให้หลายประเทศรวมทั้งไทยและสหรัฐได้หันไปใช้พื้นที่ปลูกพืชพลังงาน เช่น ข้าวโพด เพื่อใช้ในการผลิตเอทานอลทดแทนน้ำมัน มากขึ้น

     แม้กระทั่งประเทศจีน ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ เศรษฐกิจที่ขยายตัวก็ดึงเอาพื้นที่ภาคเกษตรไปใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ภาวะโลกร้อนและความแปรปรวนของอากาศที่ทำให้เกิดผลผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ของหลายประเทศเสียหาย จนกระทั่งมีการดึงเอาสต็อกข้าวมาใช้

     สต็อกข้าวโลกสูงสุดในปี 2544 เคยอยู่ที่ 140 ล้านตัน ปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 60 ล้านตัน โดยเฉพาะในประเทศจีน ปริมาณสต็อก ข้าวลดจาก 97 ล้านตัน เหลือต่ำกว่า 30 ล้านตัน ในปลายปีที่แล้ว ขณะที่สต็อกข้าวของอินเดียก็ลดลงจาก 25 ล้านตันเหลือเพียง 10 ล้านตันในปี 2550

     ผลจากการปฏิวัติเขียว ทำให้ราคาข้าวพันธุ์ไม่ไวแสงที่ปลูกกันมากและมีราคาตกต่ำลงต่อเนื่องมาหลายปี การที่ข้าวลดต่ำนี้ทำให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียลดการลงทุนวิจัยด้านข้าว ในขณะที่อุปสงค์ ยังคงเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของประชากร ขณะที่ต้นทุนการผลิตข้าวก็เพิ่มขึ้น ตามปัจจัยการผลิตที่ถูกดันราคาสูงขึ้นโดยมีสาเหตุหลักคือการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

ไทยผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีการผลิตคงที่ และอาจจะลดลง

     ในด้านการผลิตและการส่งออก ผลผลิตข้าวของโลกในปี 2550 มีประมาณ 650 ล้านตันข้าวเปลือกหรือประมาณ 420 ตันข้าวสาร และมีพื้นที่เพาะปลูกมีประมาณ 954 ล้านไร่ โดยมีจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย เป็นประเทศผู้ผลิต 3 อันดับแรกของโลก มีผลผลิตรวมกันประมาณ 60% ของการผลิตทั้งโลก

     ส่วนปริมาณการซื้อขายข้าวในตลาดการค้าของโลกมีอยู่ประมาณ 29 ล้านตันข้าวสารหรือ 44 ล้านตันข้าวเปลือก โดยจำนวนนี้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดรองลงไปได้แก่ สหรัฐ เวียดนามอินเดียและจีน

     ไทยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวค่อนข้างจะคงตัวประมาณ 67 ล้านไร่ โดยที่ผลผลิตได้เพิ่มขึ้นจาก 23 ล้านตันในปี 2539 มาเป็น 29 ล้านตันในปี 2549 และ 30 ล้านตันในปี 2550 ผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยายตัวของพื้นที่นาปรัง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพื้นที่นาน้ำท่วมซึ่งเดิมปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองมาปลูกข้าวพันธุ์ไม่ไวแสงซึ่งสามารถปลูกได้ปีละ 2 ครั้ง ต่อปีและทำให้ปริมาณผลผลิตขยายตัวสูงขึ้น

     พื้นที่เพาะปลูกข้าวส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่นาฝนและไม่มีการชลประทาน พื้นที่เพาะปลูกในเขตชลประทานมีเพียงประมาณ 22.8 ล้านไร่ หรือ 26% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าว

     ทั้งไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี มีสัดส่วน 80% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมด ดังนั้นหากมีการลดลงของพื้นที่ปลูกข้าวนาปี หรือการนำพื้นที่ไปใช้ในการเพาะปลูกพืชอื่นย่อมจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวตามมา

อุปสงค์ดันข้าวราคาดีแต่ผันผวนเพราะการผลิตข้าวไม่แน่นอน

     ที่ผ่านมาราคาข้าวปรับตัวขึ้นไปสูงมากเปรียบเทียบราคา ในช่วงเดือนเม.ย. 2550 และเม.ย.2551 โดยข้าว 15% ปรับเพิ่มจาก 5,769 บาทต่อเกวียน เป็น 14,600 ต่อเกวียน ขณะที่ข้าวหอมมะลิ เพิ่มสูงขึ้นจาก 8,500 บาทต่อเกวียนเป็น 19,000 บาทต่อเกวียน

     เขาคาดการณ์ว่า ราคาข้าวที่แพงขึ้นนี้จะต่อเนื่องออกไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี เนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่วิกฤติการขาดแคลนอาหาร เพราะมีอุปสงค์ขยายตัวจากการใช้พืชอาหารไปใช้การผลิตพลังงาน ในขณะที่อุปสงค์ความต้องการอาหารยังคงมีเพิ่มขึ้น ทุกปีตามการเพิ่มขึ้นของประชากร รวมทั้งยังมีความต้องการของประเทศจีนที่แน่นอนว่าจะต้องการเพิ่มสต็อก ให้อยู่ในระดับสูงขึ้นกว่าในระดับที่เป็นอยู่

ปัญหาราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนผลิตข้าวปรับฐานสูงขึ้นไปและจะไม่ลดลง

     ในขณะที่จะมีการชะลอตัวของการเพิ่มขึ้นด้านการผลิตข้าว ไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มาทดแทนเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยไทยมีกำลังการผลิตข้าวในปัจจุบัน 31 ล้านตันข้าวเปลือก และอาจจะเพิ่มกำลังจากผลิตได้เต็มที่ อีกเพียง 1 ล้านตันข้าวเปลือกเท่านั้น ขณะที่จีนที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายหนึ่ง มีปัญหาเรื่องน้ำไม่สามารถทำการผลิตได้เต็มที่

     เขาคาดการณ์ว่า แม้ราคาข้าวจะไม่ลดต่ำลง ภายใน 3 ปีจากนี้ แต่ก็จะราคาก็จะแกว่งตัว แม้จะมีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง แต่อุปทานที่ไม่แน่นอน จะดึงให้ราคาแกว่งตัวไปตามปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

     ในเดือนพ.ค. นี้จะมีข้าวนาปรัง ออกสู่ตลาดอีกประมาณ 4 ล้านตัน แต่กลับเกิดฝนตกเป็นเหตุให้ข้าวมีความชื้นสูง ทำให้ในรอบสัปดาห์แล้วราคาข้าวเปลือกตกลงไปขณะนี้ เกือบ 3,000 บาทต่อเกวียน

     "สาเหตุที่ราคาข้าวลดต่ำลง เพราะชาวนาไม่มียุ้งฉางหรือลานตาก เพื่อเก็บข้าวเมื่อมีฝนตก ข้าวมีความชื้นสูงไว้ ต้องเร่งระบายขายออกไป" ดร.สมพร กล่าว

มาตรการแทรกแซงทำลาย ตลาดกลางเอกชน

     ที่ผ่านมาขณะที่การอุดหนุนเกษตรกรด้วยการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในอดีตติดต่อกันหลายปี ได้ทำลาย ตลาดกลางข้าวเอกชนที่เคยทำหน้าที่ลงไปหมดสิ้น

     "ผลกระทบของการกลไกการรับจำนำที่รัฐได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาตลาดกลางและตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทั้งนี้เนื่องจากการที่รัฐบาลได้ซื้อข้าวเก็บไว้เป็นจำนวนมากในระดับราคาสูงๆ ทำให้ไม่เกิดความจำเป็นให้คนเข้ามาใช้กลไกตลาดล่วงหน้า

     ที่ผ่านรัฐบาลได้ใช้มาตรการแทรกแซงกลไกตลาดข้าวเปลือกด้วยการรับจำนำข้าว ที่ริเริ่มดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาตั้งแต่ปี 2526 ในระยะต้นก็เป็นเพียงมาตรการเสริมเป็นการรับจำนำในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายเล็ก ที่เดือดร้อนเงินในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวให้เข้าถึงแหล่งเงิน และเป็นการชะลอปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าสู่ตลาด

     ต่อมานับแต่ปี 2543 รัฐได้เข้าแทรกแซงกลไกตลาดมากขึ้น โดยเพิ่มรูปแบบการรับจำนำใบประทวนสินค้า ไปพร้อมกับการยกระดับราคารับจำนำให้สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งคือการบิดเบือนไปเป็นโครงการรับจำนำราคาข้าวขั้นสูง ก่อให้เกิดปัญหาความสูญเสียที่เกิดจากการขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้าวในสต็อก กลายเป็นภาระงบประมาณ ที่ต้องแบกค่าใช้จ่ายและ ผลขาดทุน รวมเป็นเงินประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกนาปี 47/48 และนาปรังปี 2549 และซึ่งส่งผลเสียหายต่อระบบการตลาดข้าวไทย ทำลายกิจกรรมตลาดท้องถิ่น และตลาดกลางรวมทั้งกลไกตลาดซื้อขายเกษตรล่วงหน้า

     ดร.สมพร กล่าวว่า การที่เกษตรกรมีต้นทุนในการผลิตข้าวสูงขึ้น ประกอบความผันผวนของราคาที่จะแกว่งตัวในระดับสูง รัฐบาลจะต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบายเพื่อพัฒนากลไกตลาดข้าวและ ตลาดเกษตรล่วงหน้าไปพร้อมกัน ทำได้โดยใช้แนวคิด option Pricing มาใช้

     แนวคิดนวัตกรรมนโยบายนี้ ทำได้โดยลักษณะโครงการประกันราคาระดับราคาข้าวเปลือกขั้นต่ำ โดยอาจจะมอบให้หน่วยงานรัฐ เช่น ธ.ก.ส. ซึ่งมีฐานข้อมูลเกษตร เข้ามารับประกันราคาข้าวเปลือกขั้นต่ำให้กับเกษตรกรซึ่งเข้ามาซื้อประกัน โดยจะมีการประกาศระดับราคาขั้นต่ำให้ผู้เกี่ยวข้องทราบก่อนฤดูกาลปลูกข้าว ส่วนอัตราเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับระดับราคาประกันขั้นต่ำว่าจะอยู่ในระดับใด

     คณะกรรมการกำกับการซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าพบว่า อัตราเบี้ยประกันอัตราเบี้ยประกันสามารถคิดคำนวณได้ จะมีอัตราสูงต่ำแค่ไหนขึ้นกับราคาประกันขั้นต่ำที่เกษตรกรอยากได้ ถ้าต้องการประกันราคาสูงก็จะต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงตามไปด้วย

     แนวคิดนี้ เกษตรกรยังสามารถนำข้าวเปลือกไปขายในตลาดทั่วไปได้ตามปกติ ถ้าเกษตรกรขายได้ในราคาสูงกว่าที่ประกันไว้ การประกันก็สิ้นสุดลง หากขายได้ต่ำกว่าที่ประกันก็จะได้รับส่วนต่างตามที่ซื้อประกันไว้ โดยธ.ก.ส.ก็เป็นผู้จ่ายเงินส่วนต่างของราคาที่รับประกันไว้กับเกษตรกร

     หากเป็นเกษตรกร รายย่อย ไม่มีเงินจ่ายเบี้ยประกัน ก็อาจจะกู้ยืมจากทั้งหน่วยงานรัฐหรือธ.ก.ส.โดยที่ธ.ก.ส. ซึ่งทำหน้าที่รับประกันก็ไปจัดการบริหารความเสี่ยงโดยใช้กลไก ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า

     ดร.สมพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นแล้วเพื่อเป็นการวางแผนระยะยาวรัฐควรลงทุนวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวสำหรับนาน้ำฝน ซึ่งเป็นการเพิ่มผลผลิตข้าวให้ได้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นไทยก็จะไม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าที่เป็นอยู่

     เขากล่าวว่าในปัจจุบันไทยก็มีปัญหาการขาดแคลนนักวิจัยภาคเกษตร เพราะเราละทิ้งภาคเกษตรไปช้านานทำให้กำลังนักวิชาการด้านนี้ก็ขาดแคลน เช่นเดียวกับด้านวิทยาศาสตร์และงานวิจัยอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย แล้วพบว่าเขามีทิศทางพัฒนาเกษตรที่ชัดเจน เช่นการลงทุนในด้านวิจัยด้านปาล์มน้ำมัน ครบวงจร

ผู้นำเข้ายูเออีวอนรัฐอุดหนุนราคาข้าว 25%

     สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวานนี้ว่า กลุ่มผู้นำเข้าข้าวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลให้เงินอุดหนุนราคาข้าวอย่างน้อย 25% ขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกยังคงทะยานขึ้น และสต็อกข้าวเผชิญแรงกดดัน

     กระทรวงเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้พยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนหนึ่งทำข้อตกลงกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้าเพื่อตรึงราคาอาหารไว้ที่ระดับปี 2550

     ที่ผ่านมา อินเดีย เวียดนาม จีน และอียิปต์ ได้ห้ามการส่งออกข้าว ส่งผลหลายชาติตื่นตระหนกรีบสั่งซื้อข้าว ต่อเนื่องให้ราคาข้าวไทยทะยานขึ้นเกือบ 3 เท่า

     เทรดเดอร์กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมายูเออีนำเข้าข้าวประมาณ 750,000 ตันซึ่งส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ปากีสถาน ไทย และอียิปต์

     นายจามาล อัล-ซาเอ็ด ผู้บริหารของสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคของยูเออีเรียกร้องให้รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือด้านราคาอาหารพื้นฐาน อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมราคาอาหารซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 40% ในปีนี้

บังกลาเทศซื้อข้าวช่วยเกษตรกร

     นายเอ.เอ็ม.เอ็ม ชอวกัต อาลี รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและอาหารของบังกลาเทศเปิดเผยวานนี้ว่า ในปีนี้รัฐบาลจะซื้อข้าวจากเกษตรกรสูงเป็นประวัติการณ์ เพื่อกระตุ้นการปลูกข้าวและเพิ่มปริมาณข้าวในสต็อก

     นายอาลีกล่าวว่า รัฐบาลจะซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาที่แพงกว่าปี 2550 ราว 55% และตั้งเป้าสำรองข้าวที่ 3.2 ล้านตัน หรือเกือบ 2 เท่าเทียบกับสต็อกข้าว 1.7 ล้านตันก่อนหน้านี้ โดยสต็อกข้าวดังกล่าวมีไว้สำหรับใช้ช่วยเหลือด้านอาหารและงานที่เกี่ยวกับการพัฒนา

     "เรามั่นใจว่า ปริมาณข้าวดังกล่าวจะช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันจากวิกฤติอาหารโลกที่เป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูง หรือหายนภัยธรรมชาติ" นายอาลีกล่าว รัฐบาลยังจะกันเงินสดสูงเป็นประวัติการณ์เพื่อใช้ซื้อข้าวอย่างน้อย 2.5 ล้านตันจากเกษตรกร ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย. ขณะข้าวอีกครึ่งล้านตันจะนำเข้าจากอินเดีย

     รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรบังกลาเทศระบุว่า รัฐบาลจะได้รับความช่วยเหลือด้านอาหารจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ธนาคารโลก และสหรัฐ หลังจากปีที่แล้วเผชิญวิกฤติอาหารจากน้ำท่วมเมื่อเดือนก.ค. และส.ค. รวมถึงเผชิญพายุไซโคลนเมื่อเดือนพ.ย.ที่ทำให้ราคาข้าวพุ่ง 2 เท่า

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.