www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"มิ่งขวัญ"เปิดเกมชนผู้ส่งออก เสนอครม.ขอรัฐขายข้าวเอง

     ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะอยู่ในภาวะทรงตัว แต่ราคาข้าวภายในประเทศยังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาหลักเกิดจากผู้ส่งออกข้าวไม่มีออร์เดอร์จากต่างประเทศ จึงชะลอซื้อจากโรงสี ขณะเดียวกันทั้งผู้ส่งออกและโรงสีมีสต๊อกข้าวจำนวนมาก ทำให้ต้องชะลอซื้อข้าวจากชาวนา ทำให้ราคาข้าวสารในตลาดปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือลดลงมาแล้ว 5 พันบาท/ตัน โดยราคาข้าว 5% จากเคยขายข้าวได้ 2.7 หมื่นบาท/ตัน เหลือ 2.25 หมื่นบาท/ตัน

     นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบชาวนาโดยกดราคารับซื้อต่อไป กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องรับซื้อข้าวจากเกษตรกร และจ้างโรงสีปรับปรุง และส่งออกในระบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทั้งนี้ตนตั้ง "ราคาแนะนำข้าว" ไว้ที่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1.9-2 หมื่นบาทต่อตัน, ข้าวเปลือกขาว 1.2-1.4 หมื่นบาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียว 8.2-8.5 พันบาทต่อตัน ส่งผลให้ราคาข้าวสารหอมมะลิขึ้นไปอยู่ที่ 3.97 หมื่นบาทต่อตัน และข้าวขาวอยู่ที่ 2.9-3.2 หมื่นบาทต่อตัน

     ขณะนี้มีออร์เดอร์ข้าวจากต่างประเทศมีจำนวนมากถึง 6.7 ล้านตัน จากที่ส่งออกผ่านไป 4 เดือนแรก ส่งออกได้ 4.02 ล้านตัน สัดส่วน 41% แล้ว มีโอกาสที่ไทยจะส่งออกข้าวได้สูงกว่าเป้าหมาย 9 ล้านตัน ดังนั้นหากกลไกตลาดของไทยมีปัญหาเอาเปรียบ กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาจัดการกับกลไกนี้เอง ตนจะเสนอประเด็นนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหาทางออก และขออนุมัติงบประมาณมาใช้เป็นเงินซื้อข้าวในตลาด เพื่อส่งออกแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หากราคาต่ำกว่าราคาแนะนำ ซึ่งตนมีราคาในใจอยู่ว่ารุนแรงระดับใดจึงควรใช้มาตรการนี้

     ส่วนนโยบายการทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน จะรอดูสถานการณ์ราคาข้าวถุงในประเทศว่าปรับลดลงหรือไม่ แต่หากราคายังขึ้นไปต่อเนื่องอย่างไม่มีเหตุผลสมควร รัฐบาลก็พร้อมที่จะนำข้าวในสต๊อกออกมาทำข้าวถุงเข้าสู่ตลาด เพื่อช่วยเหลือประชาชน และจะไม่กระทบกับราคาข้าวเปลือกของเกษตรกร เพราะรัฐรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาแนะนำ ที่จะไม่ทำให้เกษตรกรเสียประโยชน์จากการทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน

     หลังจากนายมิ่งขวัญประกาศแนวทางการแก้ปัญหาข้าวดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวในส่วนของผู้ส่งออก-โรงสี และชาวนา โดยนายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ระบุว่า ปัญหาราคาข้าวตกต่ำไม่ได้เกิดจากโรงสี แต่เป็นเพราะผู้ส่งออกบางส่วนชะลอการรับออร์เดอร์ ทำให้ราคาข้าวปรับลดลง ขณะเดียวกันทางสมาคมจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาตามกำลังความสามารถที่มีอยู่ในขีดจำกัด ให้ไม่ต่ำกว่าราคาที่ชาวนารับได้ 12,000 บาทต่อตัน (ความชื้น 15%)

     ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลไม่ต้องกำหนดราคาแนะนำสำหรับขายข้าวในตลาด เพียงแต่ช่วยเปิดช่องทางใหม่ในการขายข้าวผ่านระบบจีทูจี ซึ่งทางโรงสีมีกำลังความสามารถและความพร้อมในการปรับปรุงคุณภาพข้าว โดยเฉพาะข้าวของรัฐบาลมาเลเซียที่เสนอซื้อ 500,000 ตัน ทางโรงสีก็สามารถปรับปรุงได้ และหากโรงสีมีทางระบายข้าวที่มีออกไปก็สามารถรับซื้อข้าวจากชาวนาได้

     แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มีผู้ส่งออกรายใหญ่เพียง 4-5 ราย ที่ยังรับซื้อข้าวในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้ส่งออกกลุ่มนี้มีอำนาจต่อรอง และตั้งราคาซื้อข้าวในตลาด เห็นชัดว่าราคาข้าว ส่งออกมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะมีออร์เดอร์ ส่งออกไปต่างประเทศจำนวนมากโดยรัฐบาลออกมาระบุว่ามีถึง 6.7 ล้านตัน แต่ราคาข้าวที่ซื้อขายในประเทศกลับปรับลดลงสูงสุดถึง 5,000 บาทต่อตัน ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น โรงสีจึงจำเป็นต้องซื้อข้าวจากชาวนาในราคาต่ำลง

     โรงสีมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องจนถูกบีบให้ต้องส่งมอบข้าวให้ผู้ส่งออกในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะทางธนาคารกำลังติดตามหนี้สินอยู่ เห็นได้ชัดจากข้าวฟิลิปปินส์ที่ประมูลไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้ส่งออกกำหนดขายราคา 1,070 บาทต่อตัน หรือ 33,900 บาทต่อตัน แต่ซื้อจากโรงสีตันละ 21,000 บาท มีส่วนต่างถึง 13,000 บาทต่อตัน ซึ่งเมื่อรวมปริมาณข้าวทั้งหมดที่ขายให้ฟิลิปปินส์ 2 แสนตัน เท่ากับส่วนต่างถึง 2,000 ล้านบาท

     "ขณะนี้กลุ่มผู้ส่งออก โรงสี และชาวนา ได้หารือกัน เสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเป็นคนกลางในการประมูลข้าว G to G ของฟิลิปปินส์ และอิหร่าน เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ แต่ติดปัญหาหลายด้าน ทำให้เอกชนไม่สามารถขายข้าวด้วยตัวเอง หากรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเป็นตัวกลาง และนำข้าวที่รับออร์เดอร์มาจัดสรรให้ผู้ส่งออก เชื่อว่าจะทำให้กลไกการรับซื้อข้าวในประเทศเดินหน้าไปได้ โดยทางผู้ส่งออกและโรงสีรับปากกับชาวนาว่า จะรับซื้อข้าวในราคา 15,000 บาท/เกวียน ซึ่งทางสมาคมชาวนาไทยยอมรับข้อเสนอนี้แล้ว ขั้นต่อไปจะมีการหารือกับกระทรวงพาณิชย์" แหล่งข่าวกล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.