www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ผู้ส่งออกกังขา"มิ่งขวัญ"ปั่นราคา

     นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมกับกรมการค้าต่างประเทศ ว่า การเจรจาขายข้าวให้กับมาเลเซีย จำนวน 5 แสนตัน นั้น ล่าสุดเอกชน 2 ฝ่าย ได้มีการเจรจากันแล้ว โดยมาเลเซียต้องการซื้อทันที 2 แสนตัน และต้องการนำเข้าในทันที พร้อมจะส่งเรือเข้ามารับภายใน 7 วัน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องราคาได้

     ราคาที่ซื้อขายกันจริงล่าสุด ข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 1,100 ดอลลาร์ แต่มาเลเซียต้องการซื้อที่ตันละ 850 ดอลลาร์ พร้อมระบุว่าเป็นราคาที่นายกรัฐมนตรีไทยระบุไว้ แต่ราคานี้เป็นราคาที่เอกชนรับไม่ได้

     สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ผู้ประกอบการส่งออกข้าวไทย ยืนยันว่ามาเลเซียได้เลื่อนการซื้อข้าว 500,000 ตันของไทยออกไป ภายหลังจากราคาที่เสนอซื้อไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากเทรดเดอร์ไทย

     "เจ้าหน้าที่มาเลเซียเสนอซื้อข้าวที่ราคาต่ำมาก ซึ่งผู้ส่งออกของไทยไม่สามารถยอมรับได้" ผู้ค้าข้าวรายหนึ่ง กล่าว

     ทั้งนี้ มาเลเซียได้เสนอซื้อข้าวขาว 15% ของไทยที่ระดับราคา 850 ดอลลาร์ต่อตัน ตามราคา FOB ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกของไทยได้เสนอขายที่เกือบ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน

ชี้มาเลเซียเบนเป้าซื้อเวียดนามแทน

     แผนการซื้อข้าวจากไทย เป็นผลพวงจากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของมาเลเซีย ได้พบปะหารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

     "เจ้าหน้าที่มาเลเซียแจ้งกับเราว่า ราคาข้าวที่เราเสนอ สูงกว่าที่รัฐบาลระบุมา และจำเป็นต้องกลับไปปรึกษากับรัฐบาลก่อน ที่จะกลับมาคุยกับเราใหม่" ผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าว

     อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอน ในการเจรจารอบใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่บรรดากลุ่มผู้ค้าข้าว กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียกำลังติดต่อเพื่อขอซื้อข้าวจากกลุ่มผู้ส่งออกเวียดนาม โดยคาดว่าเวียดนามจะจัดหาข้าวให้ได้ในราคาที่ถูกกว่าของไทย

     "มีความเป็นไปได้ว่าเวียดนามอาจจะคว้าสัญญาส่งข้าวจำนวน 500,000 ตัน ที่มาเลเซียต้องการซื้อจากไทย ถ้ามาตรการห้ามส่งออกข้าวของเวียดนามถูกยกเลิกไปภายในเดือนมิ.ย. ตามที่หลายคนคาด" ผู้ส่งออกข้าวไทยให้ความเห็น

วอนมิ่งขวัญพูดข้อเท็จจริงออเดอร์ข้าว

     นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ราคาข้าวขณะนี้ยังไม่นิ่ง ภายหลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่ามีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามาสูงถึง 6.7 ล้านตัน ซึ่งการระบุดังกล่าว มีผลกระทบต่อราคาข้าวอย่างมาก ทั้งๆ ที่ราคาควรจะนิ่งแล้ว ซึ่งสมาคมก็ต้องการทราบข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ว่ามีออเดอร์จากแหล่งใด ทั้งนี้ต้องขอให้เป็นออเดอร์ที่แท้จริง อย่านำการประเมินสถานการณ์แล้วนำมาแถลง

     “อย่าพูดแค่หวังมาร์เก็ตติ้ง แล้วทำทุกอย่างให้ยุ่ง ขณะนี้มีเรื่องเป้าหมายส่งออกอีก ซึ่งกำหนดไว้ 9 ล้านตันก็พอดีแล้ว ถ้าจะเพิ่มอย่างมาก ก็ไม่ควรเกิน 10 ล้านตัน ถือว่าเต็มที่แล้ว แต่ถ้านำออเดอร์ที่นายมิ่งขวัญพูด รวมกับที่ส่งออกแล้วกว่า 4 ล้านตัน ก็เกือบ 11 ล้านตัน ข้าวมันจะช็อต ยิ่งมีกรณีจะปรับเป้าส่งออกเป็น 12 ล้านตัน ยิ่งไปกันใหญ่” นายชูเกียรติ กล่าว

     นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มาเลเซียประกาศยกเลิกไม่ซื้อข้าวจากไทยจำนวน 5 แสนตัน เนื่องจากเห็นว่าข้าวไทยมีราคาสูงเกินไป ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ไทยและมาเลเซียยังอยู่ระหว่างการเจรจากันในรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อข้าวระหว่างกันอยู่

ชี้ราคาข้าวเริ่มกระเตื้องอีกรอบ

     นายรุจจน์ ทรัพย์นิรันดร์ กรรมการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวในประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกระตุ้นของตลาดต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกภายในปีนี้ แต่ระบุไม่ได้ว่าจะขึ้นสูงถึงตันละ 14,000 บาท หรือไม่ เพราะการกำหนดราคาข้าวของไทยขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศ ในบางช่วงที่ตลาดต่างประเทศชะลอการซื้อ ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาข้าวในประเทศจะตกต่ำ

     “ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ สวนทางกับกลไกการตลาดที่มีความต้องการมาก เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากผู้ส่งออกไม่รับซื้อ แต่เป็นเพราะโรงสีมีการกว้านซื้อข้าวไปแล้วจำนวนมากและเต็มโกดัง ไม่สามารถรับซื้อข้าวได้อีก จึงต่อรองกับชาวนาเพื่อกดราคาข้าวเปลือกให้ต่ำลง” นายรุจจน์ กล่าว

     เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกข้าวตามปกติ ประมาณ 8 แสนตัน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับ 3 เดือนแรก ที่ส่งออกข้าวได้ถึงเดือนละ 1 ล้านตัน ทั้งนี้เพราะข้าวในประเทศเดือนเม.ย. ราคาสูงมาก แม้ว่าความต้องการมีมาก แต่สู้ราคาไม่ไหว แต่เดือนพ.ค.นี้ คาดว่าจะทำได้ถึง 1 ล้านตัน อีกครั้ง เนื่องจากช่วงต้นเดือนราคาข้าวในประเทศปรับตัวลดลง แม้ว่าในขณะนี้จะขยับขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงตันละ 14,000 บาท ประกอบกับมาเลเซียสั่งซื้อประมาณ 5 แสนตัน ทำให้การส่งออกมากขึ้น แต่ในภาพรวมการส่งออกข้าวของไทยปีนี้จะยังอยู่ที่ 10 ล้านตันเท่านั้น ไม่ถึง 12 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณข้าวของไทยมีไม่เพียงพอ

     “ตอนนี้ไทยกำลังรอตลาดข้าวอย่างอิหร่าน ประมาณ 800,000-1,000,000 ตันอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่กำลังจะประมูลใหม่ แต่คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเสนอราคาเท่าไร ต้องดูจากเงื่อนไขการประมูล และราคาในช่วงที่มีการเสนอซื้อก่อน“ นายรุจจน์ กล่าว

มิ่งขวัญเล็งเลิกห้ามขนข้าวข้ามจังหวัด

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ใน 1-2 วันนี้ ตนจะลงนามประกาศกระทรวงพาณิชย์เพื่อยกเลิกข้อกำหนดที่ห้ามไม่ให้มีการขนย้ายสินค้าข้าวข้ามเขตในบางพื้นที่ จากปัจจุบันกำหนดว่าห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายข้าวในบางจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดภาคเหนือและจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อทำให้ชาวนาสามารถนำข้าวเปลือกที่มีอยู่ ไปขายในพื้นที่จังหวัดใดก็ได้ที่ให้ราคาที่ดีกว่า

     มาตรการดังกล่าวถือเป็นการแก้ปัญหาโรงสีในบางจังหวัด ที่กดราคารับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา และการดำเนินการดังกล่าว ก็เพื่อทำให้ระบบการค้าข้าวเป็นธรรมต่อชาวนามากขึ้น อย่างไรก็ตาม การประกาศกำหนดมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวเปลือกได้ประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2551 เพื่อแก้ปัญหาการปลอมปนระหว่างข้าวหอมปทุมและข้าวหอมมะลิ รวมถึงข้าวประเภทอื่นๆตั้งแต่ต้นทาง เป็นต้น

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จากปัญหาที่ชาวนาขายข้าวเปลือกเหนียวได้ในราคาที่ต่ำนั้น รัฐบาลได้เตรียมมาตรการเพื่อแก้ปัญหา โดยหากโรงสีรายใดที่รับซื้อข้าวเปลือกเหนียวความชื้นไม่เกิน 25% ในราคา 7 พันบาทต่อตัน หรือรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวความชื้นไม่เกิน 15% ในราคา 8.5-9 พันบาทต่อตัน จะได้รับสิทธิพิเศษ โดยสามารถกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ชาวนาจี้ประกันราคา 1.5 หมื่นบาท

     นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการโรงสีตกลงที่จะรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวสดจากเกษตรกรจังหวัดเชียงรายและกาฬสินธุ์ ในราคาตันละ 7 พันบาท และรับซื้อตันละ 9 พันบาท สำหรับข้าวเปลือกเหนียวที่มีความชื้นไม่เกิน 15% โดยทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จะปล่อยกู้ให้กับโรงสีที่ตกลงรับซื้อและโอนเงินเข้าเกษตรกรโดยตรง

     นอกจากนี้สมาคมชาวนาไทย ยังเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ กำหนดเพดานราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าไม่ต่ำกว่าตันละ 1.5 หมื่นบาท สำหรับความชื้นไม่เกิน 15% และให้ทันบังคับใช้ก่อนเก็บเกี่ยวข้าวเจ้าในปลายเดือนพ.ค.-มิ.ย. นี้

     “ทางสมาคมยังได้เสนอให้กรมการค้าภายใน ตรวจสอบเรื่องราคาปุ๋ยในตลาดที่ได้ปรับราคาขึ้นมาอีก ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนสูงขึ้น แม้ว่าจะมีโครงการปุ๋ยราคาถูก 1.5 แสนตัน มาช่วยเหลือ แต่ก็มีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน” นายประสิทธิ์ กล่าว

โต้มิ่งขวัญหาตลาดก่อนเร่งเพิ่มผลผลิต

     นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามแนวคิดของนายมิ่งขวัญที่ต้องการให้กระทรวงเกษตรฯ หาทางเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อให้สามารถส่งออกข้าวในปีนี้ให้ได้ 12 ล้านตัน นั้น การเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าวจะต้องมีหลักประกันเรื่องราคา อย่าให้การเพิ่มผลผลิตเป็นการทำร้ายเกษตรกร ทำให้ราคาตกต่ำเพราะผลผลิตล้น อุปสงค์ไม่สอดคล้องกับอุปทาน เมื่อเพิ่มผลผลิตแล้ว เกษตรกรจะต้องเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ ไม่ใช่ประโยชน์ตกอยู่กับผู้ส่งออก หรือนายทุน ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่าทำดีกว่า

     "การเพิ่มผลผลิตข้าว ทางกระทรวงเกษตรฯ สามารถดำเนินการได้อย่างแน่นอน แต่ทางกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีหลักประกันที่มั่นคงเรื่องราคา อย่าเพิ่มผลผลิตแล้วเป็นการฉุดราคาให้ตกต่ำลงทางกระทรวงพาณิชย์ควรหาตลาดไว้รองรับให้มากขึ้น" นายสมศักดิ์ กล่าว

ประชาชนแห่ซื้อข้าวธงฟ้า

     วานนี้ (12 พ.ค.) กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในการเปิดจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้ามหาชน ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 120 บาท ล็อตแรกจำนวน 1 แสนถุง ในกรุงเทพฯ มีจำหน่าย 4 จุด คือ ที่กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ( อ.ต.ก.) และคลังสินค้าราษฎร์บูรณะ ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และในต่างจังหวัดอีก 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี สงขลา ลพบุรี ราชบุรี และ สมุทรปราการ

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กระทรวงพาณิชย์คึกคักตั้งแต่เช้า โดยมีประชาชนจำนวนมากมารอต่อแถวเพื่อซื้อข้าวสาร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ให้สิทธิซื้อได้คนละไม่เกิน 3 ถุง และเมื่อถึงเวลาจำหน่ายจริงในเวลา 09.00 น. มีคนมายืนเข้าคิวซื้อข้าวกว่าพันคน โดยบางรายนำญาติพี่น้องมาเข้าคิวซื้อ และยังมีการจ้างวินมอเตอร์ไซค์มาเข้าคิวซื้อด้วย ซึ่งข้าวที่นำมาจำหน่ายหมดลงในเวลาอย่างรวดเร็ว

     ทั้งนี้ เสียงตอบรับจากประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับโครงการข้าวถุงธงฟ้า เพราะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพได้บ้าง แต่บางส่วนต้องผิดหวัง เพราะข้าวถุงธงฟ้ามีคุณภาพต่ำ เป็นข้าวสต็อกเก่า ข้าวมีจุดขาวและมีข้าวแตกหักปนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องนำข้าวถุงเร่ขายต่อในราคาที่เท่าทุน ทั้งที่ต้องรอคิวเข้าซื้อมานับชั่วโมง พร้อมกับเสนอว่าให้รัฐในรอบต่อไปควรเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน ผลิตข้าวถุงที่มีคุณภาพดีกว่านี้ หรือข้าวหอมมะลิ แม้ราคาแพงขึ้นเป็นถุงละ 140-150 บาทก็พร้อมจะซื้อ

พาณิชย์เร่งผลิตข้าวธงฟ้าเพิ่ม

     นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ข้าวที่นำออกขายล็อตแรก 1 แสนถุง คงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลิตและทยอยนำข้าวออกขายและกระจายข้าวให้เพียงพอ โดยในวันที่ 20 พ.ค. จะนำออกขายอีก 1 แสนถุง และวันที่ 30 พ.ค. อีก 1 แสนถุง และในต่างจังหวัดจะขยายเป็น 50 จังหวัด ส่วนในกรุงเทพฯ อาจจะลดปริมาณลง ซึ่งราคาไม่น่าจะแตกต่างไปจากล็อตแรก

     “การทำข้าวถุงธงฟ้าออกมาจำหน่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้บริโภคข้าวในราคาถูก เพราะข้าวขาว 5% ราคาตลาดขายถุงละ 150 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์ขาย 120 บาท ขณะที่คุณภาพข้าว ก็ได้รับเสียงตอบรับเข้ามาว่าดี หรือดีกว่าข้าวของเอกชน” นายยรรยง กล่าว

     นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ราคาข้าวน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เป็นผลจากจิตวิทยา หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาระบุว่ามีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเข้ามา 6.7 ล้านตัน ในส่วนของข้าวถุง ผู้ผลิตยังไม่มีนโยบายที่จะปรับราคา และยังยืนยันที่จะผลิตและจัดส่งในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ ส่วนข้าวถุงธงฟ้าที่ออกมา น่าจะทำให้มีผลต่อราคาข้าวถุงในตลาดบ้าง

มาเลย์หั่นราคาข้าวในปท.ช่วยปชช.

     นายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศจะลดราคาข้าวสองชนิดที่ได้รับความนิยมในประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณนำเข้าข้าวตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป เพื่อรับมือกับต้นทุนอาหารที่ทะยานขึ้น โดยราคาข้าวขาวที่มาเลเซียนำเข้าจากไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 164% จากตันละ 371 ดอลลาร์เมื่อปี 2550 เป็นตันละ 980 ดอลลาร์ในปีนี้

     "รัฐบาลจะใช้งบประมาณอย่างน้อย 725 ล้านริงกิตซื้อข้าวจากต่างประเทศจำนวน 5 แสนตัน เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการให้เงินอุดหนุนเพื่อพยุงราคาค้าปลีกข้าวในประเทศ ซึ่งการเพิ่มปริมาณสำรองข้าวจะช่วยให้มีข้าวเพียงพอกับความต้องการบริโภคของประชาชนในประเทศและรักษาระดับราคาข้าวไม่ให้สูงเกินไปได้" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวหลังจากหารือกับคณะกรรมการดูแลเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.