ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ในวันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อพิจารณา "อนุมัติ" โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2551/52 ก่อนที่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ รวมถึงอนุมัติงบประมาณที่จะใช้ในโครงการดังกล่าวด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 120,000 ล้านบาทในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ตามเป้าหมาย 8 ล้านตันข้าวเปลือก

"ราคารับจำนำข้าวเปลือก ผมยังยืนยันควรจะรับจำนำในราคาเดิม โดยข้าวเปลือกเหนียวที่ตันละ 9,000-10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 16,000 บาท ที่ต้องเป็นราคานี้ก็เพื่อพยุงราคาข้าวในสต๊อกของประเทศไม่ให้ตกต่ำ พร้อมกันนี้อาจจะมีการหารือถึงแนวทางการระบายในสต๊อกของรัฐบาล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.3 ล้านตัน โดยเป็นข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวนาปรัง (ข้าวสาร) อีก 2.2 ล้านตัน" นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ขณะที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงตัวเลขวงเงินสินเชื่อที่ใช้ในการรับจำนำข้าวและยังไม่มีการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะต้องไปหาเงินมาใช้ในการรับจำนำสูงถึง 1.3 แสนล้านบาทนั้น เป็นแค่ตัวเลขประมาณการเท่านั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะต้องรอให้มีการจัดตั้ง กขช.และนำตัวเลขเหล่านี้ส่งให้ที่ประชุมกำหนดออกมาเป็นนโยบายก่อนว่าจะรับจำนำข้าวที่ราคาเท่าไหร่ จากนั้นถึงจะทราบว่ารัฐบาลจะต้องไปหาเงินมาให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้มากแค่ไหน

ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลจะมาขอกู้เงินจากทางธนาคารออมสินไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น "ขณะนี้ผมยังไม่ได้รับการติดต่อจาก ธ.ก.ส. หรือรัฐบาลเลย แต่ถ้ามีการติดต่อมาก็พอจะหาให้ได้บ้าง"

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาว่า สำหรับเม็ดเงินที่รัฐบาลจะต้องไปหามาให้ ธ.ก.ส.ใช้ในการปล่อยสินเชื่อรับจำนำข้าว 1.3 แสนล้านบาทนั้น เป็นตัวเลขประมาณการที่คำนวณมาจากสมมุติฐานที่ว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ ธ.ก.ส.รับจำนำข้าวหอมมะลิที่ราคา 16,000 บาท/ตัน กับราคาข้าวเปลือกทั่วไปที่ราคา 14,000 บาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาข้าวในตลาด

หากรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำข้าว "สูงเกินจริง" คาดว่าจะมีเกษตรกรแห่นำข้าวเข้ามาจำนำกับ ธ.ก.ส.ถึง 8 ล้านตัน ซึ่งการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทาง ธ.ก.ส. ได้ยื่นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล 3 แนวทาง คือ 1)ขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดราคารับจำนำข้าวลงมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสถานที่จัดเก็บข้าวมีไม่เพียงพอ และปัญหาขาดทุนจากการขายข้าว ในกรณีที่เกษตรกรไม่มาไถ่ถอน 2)ขอให้รัฐบาลไปจัดหาแหล่งเงินทุนวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท มาให้ ธ.ก.ส.ใช้ ปล่อยกู้ ถึงแม้ ธ.ก.ส.จะมีเงินที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อในปีนี้เป็นวงเงินถึง 5.7 แสนล้านบาท แต่ก็ต้องกันเอาไว้ปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกรในโครงการอื่นๆ ด้วย

3)เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ เฉพาะกิจขึ้นมาดูแลโครงการรับจำนำข้าวนาปี 4 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการอำนวยการ, คณะกรรมการรับจำนำข้าว, คณะกรรมการสีแปลงสภาพข้าวและคณะกรรมการจำหน่ายข้าว ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะให้ ธ.ก.ส. เข้ามาเป็นเจ้าภาพบริหารโครงการรับจำนำข้าวนาปีเหมือนโครงการรับจำนำข้าวนาปรังอีกครั้ง "คงจะไม่เหมาะสม" เพราะ ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงิน หากจะให้ ธ.ก.ส.ลงไปทำหน้าที่รับจำนำข้าว ดูแลสีข้าว ติดตั้งไมโครชิปป้องกันการทุจริต เกรงว่าจะทำ ให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ