นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลหลายประเทศสนใจซื้อข้าวไทยผ่านการขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งในวันที่ 18 ส.ค.นี้ รัฐบาลติมอร์ เลสเต จะมาเจรจาซื้อข้าวจากไทยที่ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็อยู่ระหว่างการติดต่อกับรัฐบาลอิหร่านด้วย ซึ่งคาดว่าอิหร่านน่าจะซื้อข้าวจากไทยหลายแสนตัน จากทุกปีอิหร่านจะนำเข้าจากไทยไม่ต่ำกว่า 300,000 ตัน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและจิบูตีได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการขอซื้อข้าวนึ่งจากไทยต่อเนื่องกัน 3 ปี ปีละ 100,000 ตัน ซึ่งไทยเสนอขายตันละ 860 เหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องราคาใน 1 สัปดาห์
“หากรัฐไม่มีข้าวนึ่งในสต๊อกก็อาจจะให้ออร์เดอร์นี้กับผู้ส่งออกหรือโรงสีที่มีความชำนาญในการทำข้าวนึ่ง ส่วนสต๊อกข้าวรัฐประมาณ 3.5 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 51 อีกประมาณ 1.4 ล้านตันนั้น ไม่ต้องกังวล จะขายไม่ได้ กำลังดูช่องทางจำหน่ายและแนวทางในการระบายข้าวเพราะต้องดูราคาที่เหมาะสม” นายไชยากล่าว
ด้านนายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ สมาคมจะเข้าพบ รมว.พาณิชย์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ข้าว และนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 51/52 ที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดในเดือน พ.ย.นี้ รวมถึงจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปรับปรุงข้าวในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 3.5 ล้านตัน เพื่อการส่งออกแบบจีทูจี และเสนอให้รัฐระมัดระวังกำหนดราคาขายข้าวในสต๊อกไม่ให้แตกต่างกันมากทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ เพราะอาจทำให้ราคาข้าวในประเทศลดลงได้และควรเป็นราคาใกล้เคียงตลาด.
ที่มา ไทยรัฐ
|