แหล่งข่าวในวงการค้าข้าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ ในวงการค้าข้าวกำลังวิตกถึงปัญหาข้าวล้นตลาด และราคาตกต่ำ หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีผลให้คณะกรรมการดูแลข้าวทั้งระบบต้องยุติการดำเนินการโดยปริยาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสะสางระบายข้าวในสต๊อค 2.1 ล้านตัน เตรียมการเดินทางไปเจรจาขายข้าวกับรัฐบาลมาเลเซียอีก 3 แสนตัน การเพิ่มจำนวนข้าวเปลือกนาปรัง 2551 อีก 1 ล้านตัน จาก 2.5 ล้านตัน เป็น 3.5 ล้านตัน รวมถึงเตรียมความพร้อมในการเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ซึ่งถึงสิ้นปี 2551 จะมีข้าวในสต๊อครัฐบาลกว่า 5 ล้านตันข้าวสาร

"ที่สำคัญกำลังสับสนว่า หน่วยงานใดจะเข้ามาดูแลในปัญหานี้ เพราะก่อนหน้านี้นายสมัครก็ได้นำการดูแลข้าวไปไว้ในมือทั้งหมด ตอนนี้ต่างชาติกำลังรอดูว่าทิศทางข้าวไทยจะเป็นอย่างไร หากการเมืองยังยืดเยื้อและทะเลาะกันไม่เลิก หนี้จากปัญหาข้าวจะมีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท " แหล่งข่าวกล่าว

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวไทย กล่าวว่า หลังได้รัฐบาลใหม่ สมาคมจะทำหนังสือขอให้รัฐบาลทบทวนการประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 ใหม่จากมติ ครม.นายสมัคร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาข้าวที่ตกต่ำลง และไม่เป็นการบิดเบือนตลาด โดยราคาที่เหมาะสมไม่น่าเกินตันละ 12,000 บาท ซึ่งไม่น่ากระทบต่อการเพาะปลูก เพราะต้นทุนอยู่ที่ไร่ละ 6-7 พันบาท และราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 12,000-13,000 บาท พร้อมเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลเหมือนเดิม เพราะชำนาญและมีระบบการทำงานวางไว้อยู่แล้ว

"หากยังดื้อดึงที่จะรับจำนำราคาข้าวขาว 14,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 16,000 บาท และข้าวเหนียว 9,000 บาท สูงกว่าราคาตลาด ก็จะมีข้าวล้นสต๊อครัฐบาล และประสบปัญหาการระบายข้าวอีกครั้ง และรัฐบาลกลับมารับภาวะหนี้สูงอีกครั้ง ซึ่งมูลค่าการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีตามราคานั้น ก็จะต้องใช้เงินถึงกว่าแสนล้านบาทกับเป้าหมายรับจำนำ 8 ล้านตัน และตัวเลขการส่งออกปีนี้อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 8-9 ล้านตันได้ เพราะไม่มีประเทศใดซี้อข้าวในราคาสูงเกินจริง" นายชูเกียรติกล่าว

ที่มา มติชน