นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวานนี้ (15 ต.ค.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบให้รัฐบาลเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต 2551/2552 ซึ่งกำหนดเป้าหมายการรับจำนำข้าวจำนวน 8 ล้านตัน แต่ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับราคาจำนำของข้าวแต่ละประเภทได้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาราคารับจำนำข้าวเปลือกใหม่ ที่มีนายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการ กขช.เป็นประธาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร และผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชน ร่วมเป็นกรรมการพิจารณาราคา
โดยคณะทำงานชุดดังกล่าว มีหน้าที่พิจารณากำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือก ในอัตราที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด และคำนึงถึงต้นทุนเกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 2-3 วัน เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติวันที่ 21 ต.ค.นี้
นายศิริพล กล่าวว่าการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี จะเริ่มทันทีที่มีความพร้อม ซึ่งอาจจะก่อนหรือหลังวันที่ 1 พ.ย.นี้ ก็ได้ ระหว่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรฯ จะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) มีหน้าที่เตรียมการเพื่อรับจำนำข้าวจากเกษตรกร
ด้านนางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะทำงานจำหน่ายและระบายข้าว ซึ่งมี ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่ระบายข้าวในสต็อกของรัฐทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่จำนวน 4.1 ล้านตัน
ขณะที่ ดร.โอฬาร กล่าวว่า จะเร่งระบายข้าว 2 ล้านตัน ออกต่างประเทศโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะระบายในลักษณะรัฐต่อรัฐ และการเปิดให้เอกชนมาประมูลซื้อข้าว โดยราคาต้องไม่ต่ำจนเกินไป
นอกจากนี้ นายสมชาย ย้ำต่อที่ประชุมว่า ต้องระบายข้าวในสต็อกของรัฐที่มีอยู่กว่า 4 ล้านตัน โดยการส่งออกทั้งหมด ทั้งในรูปแบบรัฐต่อรัฐ และเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อส่งออก
นายศิริพล กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาปลดโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำหรือแบล็คลิสต์ เพื่อให้มีโรงสีเข้าร่วมโครงการได้อย่างเพียงพอ หากโรงสีใดมีความผิดเพียงเล็กน้อยก็ให้ปลดออกจากบัญชีดำได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้พิจารณาตามความหนักเบาของความผิด แต่หากโรงสีใดมีเจตนาที่ยักยอกหรือลักขโมยข้าวนั้น กระทรวงพาณิชย์จะไม่พิจารณาปลดออกจากบัญชีดำโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการนำข้าวสาร 5% จำนวน 4.63 แสนตัน ออกประมูลในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) โดยให้ขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี 2552
สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศระบุว่าตลาดข้าวโลกมีแนวโน้มจะยังตึงตัวในปีหน้า ส่วนหนึ่งเพราะประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ยังจำกัดการส่งออก แม้คาดว่าการเก็บเกี่ยวทั่วโลกจะสูงเป็นประวัติการณ์ 432 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการปลูกข้าวเพิ่มขึ้น 1 ล้านเฮกเตอร์ รวมทั้งสิ้น 155.3 ล้านเฮกเตอร์ โดยอินเดียมีส่วนแบ่งกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากสต็อกข้าวโลกต่ำเป็นประวัติการณ์ 73 ล้านตันในปี 2547-48 สต็อกข้าวโลกได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและคาดว่าจะขึ้นถึง 82 ล้านตันในปี 2551-2552 แต่คาดว่าสต็อกข้าวในสหรัฐจะลดลงอีก อันจะทำให้ตลาดไม่มีเสถียรภาพในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนการบริโภคข้าวคาดว่าจะยังแข็งแกร่ง โดยคาดว่าการบริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% เป็น 426 ล้านตันในปี 2551-2552
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|