www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

จับสัญญาณราคาข้าวลงต่ำสุด ลุ้นปาฏิหาริย์ปีหน้า 2,000 เหรียญ/ตัน


สถานการณ์ราคาข้าวในปี 2551 เปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยในช่วงต้น-กลางปี ราคาข้าวทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากกระแสวิกฤตอาหารโลก แต่พอมาถึงไตรมาส 3-4 ทิศทางราคาข้าวดิ่งลงอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมายบางวันราคาเช้า-บ่าย ต่างกันถึง 50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่รัฐบาลไทยต้องเร่งระบายข้าว 3.1 ล้านตัน หลังจากอุ้มสต๊อกไว้ 4.3-4.4 ล้านตัน เพื่อเตรียมรับข้าวจากโครงการ รับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 เข้ามาใหม่อีก 8 ล้านตันข้าวเปลือก ประเด็นนี้สร้างความปั่นป่วนให้วงการค้าข้าวมากว่าทิศทางราคาข้าวจะเป็นอย่างไร แต่ล่าสุด ในการประชุมสามัญประจำปี 2551 ของสมาคมโรงสีข้าวไทย ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้สัมมนาประเมินทิศทางราคาข้าวในอนาคตสรุปตรงกันว่า "ระยะยาวราคามีแนวโน้มดี"

ราคาข้าวมีสิทธิแตะ 2 พันเหรียญ

นายสุเมธ เหล่าโมราฬร กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ประเมินว่าขณะนี้ราคาข้าวลดลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว ต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นช่วงที่ราคาข้าวพลิกกลับ โดยยกตัวอย่างการเสนอความเห็นของหลายประเทศที่เข้าร่วม การประชุมการค้าข้าวโลก (World Rice Commerce Conference) ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า มีนักวิชาการคนหนึ่งที่ให้ความเห็นว่าราคาข้าวน่าจะปรับสูงขึ้นถึง 2,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพราะคาดการณ์ว่าแนวโน้มการผลิตข้าวจะปรับลดลงตาม หลังจากสถานการณ์ราคาลดลงต่อเนื่อง จนทำให้เกษตรกรขาดแรงจูงใจในการเพิ่มผลผลิต

สาเหตุที่ทำให้มีความมั่นใจ เพราะว่าปริมาณสต๊อกข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น 3 ล้านตันจาก 77 เป็น 80 ล้านตัน หากเทียบกับปริมาณการบริโภค 430 ล้านตันก็คิดเป็น 19% หากเกิดเหตุการณ์วิกฤตจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงจะทำให้สต๊อกข้าว ส่วนเกินนี้ เพียงพอต่อการบริโภคจริงเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น และขณะนี้ผู้ขายเหลือเพียงไทย-เวียดนาม แค่ 2 ประเทศ แต่มีผู้ซื้อรวม 100 ประเทศ และคาดว่าในปลายปีนี้อิหร่านน่าจะพิจารณานำเข้าข้าว

"ขณะนี้ราคาลดลงต่ำสุดแล้ว สัญญาณจากทิศทางราคาน้ำมันขาลง สินค้าธัญพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลีลดลง โรงงานเอทานอลในสหรัฐก็แย่ ราคาสินค้าเหล็กลง ซึ่งข้าวก็เช่นเดียวกัน ผู้ซื้อขอเจรจาลดราคาจากสัญญาที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เทรดเดอร์จากไทยบัฟเวียดนามว่าไทยจะระบายสต๊อกข้าวปริมาณมากแล้วให้ลดราคาลง เวียดนาม ยุ้งน้อย ดอกเบี้ยสูง จำเป็นต้องเร่งขาย แค่ 400-420 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาขายในประเทศเหลือแค่ 7-8,000 บาท ต่อตันเท่านั้น

ผู้นำเข้ากลับลำหันนำเข้าข้าวเพิ่ม

ด้าน นายวิชัย ศรีประเสริฐ ประธานบริษัท ไรซ์แลนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ผมเชื่อว่าอนาคตราคาข้าวจะดี โอกาสที่ราคาข้าว จะปรับตัวสูงขึ้นอีก เพราะขณะนี้สต๊อกข้าวโลกปรับลดลง อย่างมาก และราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนในการผลิตปรับลดลงจาก 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหลือ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปริมาณความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นทุกปีมากกว่า 80 ล้านตัน ต่อปี ส่วนสต๊อกเหลือไม่มาก ราคาข้าวมีโอกาสปรับตัวมีเสถียรภาพมากขึ้นจากนี้ไปอีก 3 ปีได้

ทางด้านสมาคมโรงสีข้าวไทยระบุว่า ขณะนี้ประเทศผู้นำเข้าข้าว มีความเคลื่อนไหวที่จะนำเข้าข้าวอีก โดย ไนจีเรีย ขยายระยะเวลานำเข้าข้าวเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตอาหารอีก 2 เดือน ขณะที่ เกาหลีใต้ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 161.1 เป็น 368.9 พันล้านวอน เพื่อให้นำเข้าข้าวสำรองตามพันธกรณีภายใต้ความตกลงขององค์การการค้าโลก ซึ่งมีปริมาณ 311,457 ตันและปริมาณการสำรองข้าวของประเทศมีเพียง 13.7% ต่ำกว่าระดับปริมาณขั้นต่ำของเอฟเอโอที่กำหนดไว้ 17% ของการบริโภคทั้งหมด ไต้หวัน อาจจะมีการจำกัดหรือลดปริมาณการส่งออกข้าว เพราะในช่วงครึ่งปีแรกส่งออกไป 6.6 พันตันสูงกว่าปีก่อน 20 เท่า ญี่ปุ่น น่าจะเปิดประมูล นำเข้าข้าวอีก 2.5 หมื่นตัน หลังจากเลื่อน การประมูลจากวันที่ 17 กันยายนออกไป เป็นต้น

นางดวงพร รอดพยาธิ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ให้ความเห็นภายหลังกลับจากการหารือกับหน่วยงานด้านอาหารของเวียดนามว่า ปีนี้เวียดนามยังมีผลผลิต ที่ต้องเร่งระบายออกอีก 2-3 แสนตัน เป็นข้าว 5% ซึ่งคาดว่าจะขายในราคาประมาณ 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน และข้าวขาว 15% คงไม่ต่ำไปกว่า 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวทั้งปี 4.7 ล้านตัน

ส่วนปี 2552 ต้องรอปริมาณผลผลิต ข้าวในฤดูกาลผลิตหลักมีกำหนดจะออกในเดือนมีนาคม 2552 ปริมาณ 2 ล้านตันข้าวสาร โดยปัญหาที่เวียดนามกังวลคือ ชาวนาหันไปใช้พันธุ์ข้าวที่ด้อยคุณภาพ ดอกเบี้ยเงินกู้มีอัตราสูงมาก ขณะที่ อินเดียยังมีการส่งออกข้าวบางส่วนให้กับบางตลาด เช่น แอฟริกา เพราะยังมีนโยบายที่จะดูแลระดับราคาข้าวในประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ดังนั้น การประเมินว่าทิศทางราคาข้าวในปี 2552 ต้องรอหลังไตรมาส 1/2552 ซึ่งจะเห็นภาพปริมาณผลผลิตและปริมาณความต้องการบริโภคที่ชัดเจนขึ้น

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.