นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯเตรียมขอเข้าพบรมว.พาณิชย์คนใหม่ เพื่อหารือปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขระบบการค้าข้าวไทย เนื่องจากขณะนี้ภาคการส่งออกข้าวของไทยกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ปริมาณการส่งออกข้าวไปต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกตกลงอย่างแรง เหลือเพียง 420,000 ตัน เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้กว่า 1 ล้านตัน ส่วนแนวโน้มการส่งออกเดือนธันวาคม คาดว่าจะลดต่ำลงอีก อาจเหลือเพียง 200,000 ตันเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยลดลงมาก เพราะราคาจำหน่ายในประเทศขณะนี้สูงเกินจริงและสูงกว่าราคาในตลาดโลก ทำให้ผู้ส่งออกชะลอการซื้อข้าวในประเทศเพื่อส่งออก เพราะไม่สามารถแข่งขันกับเวียดนามที่ราคาถูกกว่าได้ เช่น ข้าวขาว 5%ของเวียดนาม ราคาตันละ 420 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ของไทยสูงถึงตันละ 540 ดอลล่าร์สหรัฐ ขณะที่ข้าวหอมมะลิส่งออกของไทยราคาอยู่ที่ตันละ 780 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่สูงอยู่

"เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ทางสมาคมฯจะเสนอให้ รมว.พาณิชย์คนใหม่ ปรับลดราคารับจำนำข้าวนาปี 2551/2552 ลงให้เหลือเท่ากับราคาตลาดโลก ผู้ส่งออกจะได้ซื้อเพื่อส่งออกได้ แม้การปรับลดราคารับจำนำอาจทำได้ยาก แต่รัฐบาลต้องทำ เพราะราคาข้าวไทยถูกนำไปอิงกับราคาในตลาดโลก ถ้าบิดเบือนกลไก ราคาข้าวโลกก็จะบิดเบือนไปด้วย และถ้ารัฐบาลไม่ต้องการให้ชาวนาได้รับผลกระทบจากการลดราคารับจำนำ ก็อาจแบ่งเบาภาระต้นทุนด้วยวิธีอื่น เช่น ลดราคาปุ๋ย หรือจัดหาปุ๋ยราคาถูกให้กับชาวนา แทนการกำหนดราคารับจำนำที่สูงเกินจริง" นายชูเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลยังยืนยันที่จะคงราคาเดิม เชื่อว่า ปีหน้ารัฐบาลอาจจะมีข้าวค้างในสต็อกรัฐสูงถึง 7-8 ล้านตันข้าวสาร ในระยะยาวจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำต่อไป กระทบกับงบประมาณของรัฐบาลเองในที่สุด และจะทำให้ตลาดข้าวโลกปั่นป่วน เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ถ้าเจอปัญหาส่งออกไม่ได้ ต่อไปไทยอาจสูญเสียตลาดข้าวให้กับเวียดนามอย่างถาวร สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวปีนี้ คาดว่าจะส่งออกได้ 10ล้านตัน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะลดต่ำลงเหลือเพียง 8 ล้านตันเท่านั้น

ิ์ที่มา แนวหน้า