นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วานนี้ (16 ธ.ค.) ได้มีหนังสือเวียนเรื่องอัตราสีแปรสภาพข้าว ให้คณะกรรมการรับจำนำข้าวรับทราบ และให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดโกดังรับข้าวให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ อัตราสีแปรที่กำหนดขึ้น จะเป็นพื้นฐานในการสีแปรของโรงสี แม้ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการได้มีมติให้สีแปรข้าว ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 แล้วและให้มีการสีแปรอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง แต่การส่งหนังสือเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
อัตราสีแปรใหม่ กำหนดให้ ข้าวเปลือก 5% ความชื้นไม่เกิน 15% อัตราสีแปร 563 กิโลกรัมต่อตัน, ความชื้น 14% อัตราสีแปร 555 กิโลกรัม, ข้าวหอมมะลิ ที่ จ.อุบลราชธานี อัตราสีแปร 513 กิโลกรัมต่อตัน, โคราช 515 กิโลกรัมต่อตัน, สุรินทร์ 514 กิโลกรัม
กรณีที่โรงสีออกมาอ้างกับชาวนา ว่าไม่สามารถรับจำนำข้าวได้ เพราะไม่มีพื้นที่เก็บเนื่องจากไม่มีคำสั่งสีแปรจากรัฐ นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งชาวนาที่พบเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ ให้ร้องเรียนมายังกรมฯเพื่อดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่โรงสีตกลงกับชาวนารับซื้อข้าวล่วงหน้า และจะชำระเงินให้ เมื่อข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำกับรัฐ เพื่อหักส่วนต่างตันละ 2-3 พันบาทนั้น ยอมรับว่า ไม่สามารถจัดเป็นความผิดการสวมสิทธิ แต่เป็นการนำข้ออ้างเรื่องความชื้น มาเป็นเหตุผลหักเงินที่จะจ่ายให้ชาวนา ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ ถือเป็นความยินยอมของชาวนาเอง ทั้งที่ชาวนามีทางเลือกที่จะนำข้าวไปขาย หรือจำนำกับโรงสีอื่นที่ไม่ใช่โรงสีที่เคยค้าขายกันตามปกติ
"เราก็ออกหนังสือเวียนถึงอัตราสีแปรที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้คณะกรรมการฯทราบ จากนั้น ในวันที่ 19 ธ.ค. ก็จะส่งหนังสือเวียนให้โรงสี ตอนนี้มีข้าวอยู่ในโครงการแล้ว 1.9 ล้านตัน สั่งสีแปรมาตั้งแต่ 2 พ.ย. และให้สีแปรอัตโนมัติมาตลอด จึงไม่ใช่ข้ออ้างว่าไม่มีที่เก็บข้าวและไม่รับจำนำข้าว ผมยอมรับเป็นห่วงชาวนา แต่ชาวนาก็ต้องร้องเรียนมาเพื่อช่วยกันลดปัญหานี้" นายยรรยง กล่าว
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 เพราะจะสร้างความยุ่งยากและสับสนแก่ชาวนา เนื่องจากโครงการนี้ได้ดำเนินการมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ส่วนการดูแลภาพรวมการรับจำนำ จะมีการเสนอให้รัฐบาลใหม่รับทราบ ผ่านคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|